สายการบินฮ่องกงประกาศแบนหูฉลาม
ฮ่องกงยึดหูฉลามผิดกฎหมาย 2 เดือนแรกจำนวน 1.3 ตัน
ป้ายร้านอาหารระบุเมนูจากหูฉลาม ทั้งภาษาไทย ภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษ เป็นลักษณะพิเศษที่คุ้นตาว่า ที่นี่คือถนนย่านเยาวราช สถานที่ยอดนิยมที่ผู้คนมักแวะเวียน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อมากินอาหารที่หลากหลาย และหากดูจากป้ายร้านอาหารภัตตาคาร ก็พอจะบอกได้ว่า หูฉลาม และอาหารที่เชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงกำลังคือสิ่งที่ได้รับความนิยมในย่านนี้
เมนูหูฉลามแผ่นจักรพรรดิ หูฉลามเซ็งตุ๋น หูฉลามผัดแห้ง หูฉลามสามเซียน และหูฉลามน้ำแดง คือเมนูถูกถูกเขียนไว้ในป้ายเมนูเกือบทุกร้าน มีราคาตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึง 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของหูฉลาม
การบริโภค “หูฉลาม” แม้จะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะ แต่สรรพคุณเหล่านี้ ยังไม่ปรากฏงานวิจัยที่จะสามารถยืนยันคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณการรักษาโรคภัยต่างๆ ได้ องค์กรไวล์ดเอด ช่วยสัตว์ป่า ได้เก็บข้อมูลและทำการศึกษาเกี่ยวกับประชากรของฉลามทั่วโลก พบว่าฉลามที่ตกเป็นเป้าหมายถูกล่าคือฉลามสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่ขยายพันธุ์ช้า แต่ละปีมีฉลามถูกฆ่าประมาณ 63-273 ล้านตัว หรือปีละ 100 ล้านตัว ในจำนวนนี้มากกว่า 73 ล้านตัว ถูกฆ่าเพียงเพื่อนำครีบไปประกอบอาหารเท่านั้น
สอดคล้องกับความเห็นของผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับฉลามในประเทศไทย แม้ปัจจุบันไทยไม่มีการล่าฉลามเพื่อนำครีบมาประกอบหาร แต่การทำประมงอวนลากขนาดใหญ่ ที่จับสัตว์น้ำทุกชนิด ส่งผลให้ฉลามถูกฆ่าจำนวนมาก ขณะที่กฎหมายห้ามจับ-ตัดครีบฉลาม ไม่ได้ถูกบังคับใช้ จึงทำให้ประเทศไทยถูกจัดให้เป็น1 ใน 10 ประเทศที่ส่งออกหูฉลามมากที่สุดในโลก
“ป้อง ณวัฒน์” ฝากถึงรัฐบาล ‘ฉลองไม่ฉลาม’
ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ปี 2555-2559 ระบุว่าประเทศไทยส่งออกครีบฉลามและผลิตภัณฑ์หูฉลามแปรรูปมากกว่า 22,457 ตัน มูลค่า 3,275.53 ล้านบาท และนำเข้าครีบฉลามและผลิตภัณฑ์หูฉลามแปรรูปมากกว่า 451.57 ตัน มูลค่า 124.6 ล้านบาท
ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย ผู้ศึกษาวิจัยฉลามในประเทศไทย ในฐานะนักอนุรักษ์ และช่างภาพใต้น้ำ แสดงความเห็นว่า แม้ที่ผ่านมาภาคประชาชนมีความพยายามผลักดันรณรงค์ยกเลิกการบริโภคหูฉลามเพื่อลดการฆ่าค่อนข้างมีผลตอบรับที่ดี แต่ในระดับนโยบายยังไม่เห็นการทำงานเป็นรูปธรรม ย้ำหากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ต้องแก้ไขที่ต้นทาง คือควบคุมการทำประมงอวนลาก ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉลามจำนวนมากในท้องทะเลไทยถูกฆ่า
