วันนี้ (10 ก.ย.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากมีการส่งต่อข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ ข้อความว่ามีการระบาดหนักของไวรัสซิกา ที่ชุมชนซอยสาทร 13 กว่า 20 ราย ในพื้นที่ของศูนย์บริการสาธารณสุข 14 และมีการเตือนให้มีการระวังป้องกันไม่ให้ยุงกัด พร้อมระบุว่ามีผู้เสียชีวิต เป็นภรรยาชาวต่างชาติ ด้วยนั้น
ทีมข่าว PPTV ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งยืนยันกับทีมข่าวว่า มีการติดไวรัสซิกาจริง แต่ไม่ได้มีผู้เสียชีวิต โดยระบุว่ามีคนไทยติดเชื้อไวรัสซิกา 21 คน คาดว่าติดเชื้อมาจากชายชาวไทยที่เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ และแพร่เชื้อสู่ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ในพื้นที่เขตสาธร ของกรุงเทพมหานคร โดยหลังเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครพบผู้ติดเชื้อจึงตรวจสอบผู้คนใกล้ชิดรอบข้างด้วยการตรวจเลือดและปัสสาวะ พบว่า มีผู้ได้รับเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มเติมอีก รวมทั้งหมด 21 คน หนึ่งในจำนวนนี้ มีกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากเชื้อไวรัสซิกาเป็นหญิงตั้งครรภ์ 2 คน หญิงตั้งครรภ์คนแรกคาดว่าติดมาจากสามีที่เดินทางไปสิงคโปร์ ล่าสุดคลอดลูกแล้ว พบว่า อาการปลอดภัยทั้งแม่และลูก ไม่มีภาวะอันตรายจากเชื้อไวรัส ส่วนหญิงอีก 1 คน กำลังอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ มีอายุครรภ์ขณะนี้ประมาณ 7 เดือน ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับทีมข่าว PPTV เพิ่มเติมว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาทั้ง 21 คน กระจายอยู่ใน 4 เขต ของกรุงเทพมหานคร ขณะนี้ได้รับการเฝ้าระวังจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่ มีอาการไข้สูง และออกผื่นแดงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับไวรัสซิกา หรือไข้ซิกานั้น กระทรวงสาธารณสุขของไทยประกาศให้เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ต้องแจ้งความเป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเฟลวิไวรัส (flavivirus) มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ไวรัสไข้เหลือง ไวรัสเดงกี ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะ อาการที่ปรากฎจะมีผื่นแดงขึ้นตามตัว ไข้ขึ้นสูง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว และปวดหัว โดยไข้ซิกาแม้จะยังไร้วัคซีนป้องกัน แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 2-7 วัน หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ที่ต้องระวังคือเด็กทารกที่หากติดเชื้อแล้วอาจทำให้มีศีรษะเล็กกว่าปกติ
AFP Photo / LUIS ROBAYO