แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมที่รณรงค์เพื่อยุติโทษประหารชีวิตแถลงสนับสนุนรัฐบาลไทยให้ปฏิบัติตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 3 เพื่อนำสู่การยกเลิกโทษประหารอย่างเป็นระบบในอนาคต ตลอดจนยึดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในการพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UPR) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ว่าจะเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต
10 ตุลาคมของทุกปีเป็น "วันยุติโทษประหารชีวิตสากล" มีขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกหยุดแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความรุนแรงและการพรากชีวิต
จากรายงาน “สถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตปี 2559” (Death Sentences and Executions in 2015) ของแอมเนสตี้ ระบุว่าปัจจุบันมี 141 ประเทศหรือมากกว่า 2 ใน 3 ของโลกที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว โดยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้ออกมาประกาศว่าการประหารชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ในศตวรรษที่ 21 และเมื่อปลายปี 2559 มี 117 ประเทศร่วมลงนามสนับสนุนข้อตกลงเพื่อพักใช้โทษประหารชีวิตชั่วคราวของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
ในประชาคมอาเซียน กัมพูชาและฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดทางอาญาทุกประเภทแล้ว ส่วนลาว พม่า และบรูไน ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ (ไม่มีการประหารชีวิตประชาชนมากกว่าสิบปีติดต่อกัน) ส่วนไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนามยังมีโทษประหารชีวิตในทางกฎหมายและยังคงประหารชีวิตประชาชนในช่วงสิบปีที่ผ่านมาอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล