ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2560 จะลดลงจากปี 2559 แต่กลับพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้ สะท้อนถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทำให้กรุงเทพมหานคร ต้องร่วมมือกับ ตำรวจ และเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน เตรียมมาตรการรับมือจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเรื่องการลดใช้ความเร็วในเขตชุมชน
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ระบุว่า ตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจร มีข้อบังคับการใช้ความเร็วในเขตชุมชน ที่มีความกว้างของถนนไม่เกิน 7 เมตร ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่กลับไม่ถูกเอาจริงเอาจัง จะเห็นว่าในเขตชุมชนไม่มีด่านตรวจ หรือเครื่องตรวจวัดความเร็ว เป็นเหตุให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีคนเดินเท้า และผู้ใช้รถจักรยาน ในเขตชุมชน มีอัตราการเสียชีวิตจากการถูกรถชนเป็นอันดับดับต้นๆ ของประเทศ
ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจถนนในชุมชนในซอยอินทามระ15 ซึ่งเป็นถนนที่มีความกว้างไม่เกิน 7 เมตร และไม่มีทางเท้า พบว่า รถที่สัญจรไปมาบริเวณนี้ ใช้ความเร็วเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ว่าจะมีป้ายเตือน และลูกระนาดชะลอความเร็วตลอดเส้นทาง จากการสอบถามประชาชน บอกว่า ถนนบริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบ่อยครั้ง จึงอยากให้ตำรวจเข้ามากวดขัน เพราะกังวลว่าเด็ก และคนเดินเท้าจะได้รับอันตราย
สำหรับที่ผ่านมามูลนิธิไทยโรดได้ทำการรวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนพบว่า โอกาสรอดชีวิตของคนเดินเท้าเมื่อถูกรถชน พบว่า หากขับเร็ว 30 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงจะมีโอกาสรอดชีวิตถึง 98 เปอร์เซ็นต์ แต่หากขับด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะมีโอกาสรอดเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น