วันนี้(12 มิ.ย.61)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย นำโดยนางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยาของนายบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงที่หายตัวไป เดินทางเข้าฟังคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แต่การเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลของชาวบ้านในวันนี้ ปู่คออี้ ไม่ได้เดินทางมาด้วยเนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่ป่าในช่วงหน้าฝนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้ชาวกะเหรี่ยงเลือกส่งตัวแทนผู้ชายเดินทางมาที่ศาลเท่านั้น
นายสุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือคดีความที่ชาวบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจาน เปิดเผยว่า หลักฐานใหม่ที่ยื่นในคดีนี้ คือภาพถ่ายทางอากาศที่เป็นของหน่วยงานทหารเมื่อช่วงปี 2450 ซึ่งในแผนที่ระบุชัดเจนว่ามีหมู่บ้านใจแผ่นดิน ก่อนที่พื้นป่าจะถูกประกาศเป็นเขตอุทยาน
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น ก็ได้เดินทางเข้าฟังคำตัดสินของศาล พร้อมยืนยันข้อมูลเดิมว่า จุดที่เจ้าหน้าที่เผาทำลายไม่ใช่บ้านของชาวกะเหรี่ยง แต่เป็นเพียงเพิงพักเท่านั้น พร้อมคาดหวังว่าศาลจะตัดสินชี้ขาดว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย
สำหรับคำตัดสินก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางได้ตัดสินให้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหมให้กับจำเลยทั้ง 6 คน เป็นเงินคนละ 10,000 บาท แต่ยกคำขอเรื่องการกลับขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ใจแผ่นดิน ซึ่งคงต้องรอดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินชี้ขาดอย่างไรต่อไป
ล่าสุดศาลปกครองสุงสุด ได้มีคำพิพากษาให้กรมอุทยานฯ ชดใช้เงินเพิ่มเติมกับชาวบ้านกะเหรี่ยงเป็นรายละ 5 หมื่นบาท กรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่เผาทำลายบ้านพัก
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ชาวกะเหรี่ยงกลับไปอยู่ที่ หมู่บ้านใจแผ่นดิน หรือ บ้านบางกลอยบน ภายในอุทยานแห่งชาติแก่นกระจานนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ไม่อาจพิจารณาให้กลับไปอยู่ที่เดิมได้ เพราะไม่มีเอกสารใดใดยืนยันอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มชาวกะเหรี่ยงเคยพักอาศัยมาก่อน และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ
