เพราะไม่มีความรู้ด้านภาษาไทย ทำให้นางเอ้ย นายหลง ไม่ตรวจสอบใบเกิดของลูกคนแรก จนเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิสูจน์สถานะของลูก ข้อมูลนางเอ้ย ในใบแจ้งเกิดลูก กับข้อมูลการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวของนางเอ้ย ไม่ตรงกัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ปกครองไม่สามารถพิจารณาให้สัญชาติกับลูกของนางเอ้ยได้
ไม่ต่างจากใบเกิดของบุตรคนที่ 3 ที่ระบุข้อมูลว่านางเอ้ย เกิดในประเทศไทย ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ซึ่งนางเอ้ยยอมรับว่า เกิดจากความไม่เข้าใจในการสื่อสาร เนื่องจากตอนนั้นตัวเองไปอาศัยญาติอยู่ในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ไม่ใช่กรณีของนางเอ้ยเท่านั้น แต่พบว่า พื้นที่บ้านโป่งเหนือ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มคนไร้รัฐ ที่ ยังรอการพิสูจน์สถานะ เพราะก่อนหน้านี้พบปัญหาข้อมูลในการสำรวจไม่ตรงกัน โดยสาเหตุส่วนใหญ่ คิดว่าการแจ้งข้อมูล ไม่มีผลผูกพันในอนาคต ทั้งข้อมูลบุคคล และที่อยู่ จึงแจ้งไปก่อน รวมถึงกลุ่มคนเหล่านี้ ยังไม่เข้าใจระบบการตรวจสอบ ของหน่วยงานราชการไทย
พื้นที่อำเภอแม่สายเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย ที่พบปัญหาคนไร้สัญชาติ อันดับต้นๆของประเทศไทย จากข้อมูลของอำเภอแม่สาย พบรายชื่อการลงทะเบียนเป็นผู้ไร้สัญชาติไว้มากกว่า 2 หมื่น 7พันคน ขณะที่เด็ก และเยาวชน ที่ไร้สัญชาติ แต่ศึกษาอยู่ในไทยอีกมากกว่า 3 พัน 500 คน จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนว่าแม้จะมีการปรับเปลี่ยน พระราชบัญญัติ สัญชาติ เพื่อให้การตรวจสอบและพิสูจน์ง่ายขึ้น แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่า ระบบที่ถูกตั้งไว้ ยังไม่สามารถทำได้จริงทั้งหมด
นฤดล ยุกิจภูติ ถ่ายภาพ
นริศรา คินิมาน รายงาน