จากกรณีเหตุการณ์ นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี และภรรยาเดินทางมาฟังคำพิพากษา ในคดีที่บุตรชายของนายศุภชัย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต แล้วปรากฏว่าศาลได้ตัดสินให้ยกฟ้อง หรือ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ส่งผลให้นายศุภชัย เกิดอาการเครียดเป็นอย่างมาก จึงได้กระโดดลงมาจากชั้น 8 ของอาคารศาลอาญาร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต นั้น
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงรายละเอียดคำพิพากษาในคดีนี้ว่า เป็นคดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ อ.1089/60 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฯ กรณีเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงบริเวณร่างกาย นายธนิต คัฬหสุนทร จนถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนีไป เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,371 ประกอบ 83 เหตุเกิดบริเวณ ถ.ประชาสังคมสงเคราะห์ 1 ดินแดง กทม.จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิด โดยคดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง
สำหรับเหตุผลโดยสรุปคือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น แต่พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังให้ลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฎในชั้นศาลนั้น เห็นเเต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ เเต่ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้ ดังนั้นเมื่อศาลพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง
"คดีนี้เป็นเพียงการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ต่อไป ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็จะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน โดยปราศจากความกดดันหรือคติใด ๆ ขอยืนยันว่าศาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทำหน้าที่ของตนเองมาอย่างดีที่สุดแล้ว"
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เเสดงความรู้สึกในมุมมองของตัวเอง ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการทำหน้าที่ของทุกฝ่ายในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงศาลด้วยนั้น กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือจำเลยในคดี การพิจารณาพิพากษาก็ดูจากพยานหลักฐานในสำนวน ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามกฎหมาย แต่แม้เราจะเชื่อมั่นว่าเราทำงานอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกฝ่ายก็ไม่สบายใจ และเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่เราก็จะยืนหยัดทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไป ขณะเดียวกันก็จะให้ความรู้ความเข้าใจและอธิบายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายให้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด