วันนี้ (27 ก.ค.61) ทีมข่าวพีพีทีวีลงพื้นที่วัดกุนนที หลังตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตของ “เอ็ม” รุ่นน้องของ "เต้" ลูกของชายกระโดดตึกระหว่างไปร่วมงานศพวันที่ 17 เมษายน 2559 อาจมีความเชื่อมโยงกัน พบพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าวินาทีที่เห็น คนร้ายจอดรถจักรยานยนต์กลางถนนชักปืนออกมายิงอย่างอุกอาจกลางที่สาธารณะก่อนจะหลบหนีไป
ทั้งนี้ เส้นทางที่ทีมข่าวพีพีทีวีแกะรอยตามคำให้การของพยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ นายชาญศักดิ์ จันทรส หรือ “เอ็ม” นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย รุ่นน้องของ “เต้” ลูกของชายที่กระโดดชั้น 8 ศาลอาญาถูกยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2559 ระหว่างมาซื้อน้ำที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้วัดกุนนทีช่วงพลบค่ำ
พยานคนนี้เล่าว่า เห็นชาย 2 คนใส่หมวกกันน็อกเต็มใบซ้อนรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน จากนั้นจอดรถกลางถนนแถวร้านขายของจุดที่ “เอ็ม” และเพื่อนอีกคนยืนซื้อของอยู่ โดยมีชาย 1 คนลงจากรถชักปืนยิงใส่ “เอ็ม” กับเพื่อน 2-3 นัด ก่อนจะขี่รถหนีไปทางตลาดห้วยขวาง
จากการตรวจสอบเส้นทางต่างๆ พบว่าที่วัดกุนนที และแฟลตห้วยขวาง มีกล้องวงจรปิดของ กทม. และเอกชน แต่พิกัดไม่ได้จับไปที่จุดเกิดเหตุและบางตัวใช้งานไม่ได้ พีพีทีวีสอบถามไปที่พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถเผยรายละเอียดคดีได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี ส่วนจะเชื่อมโยงกับคดี “เต้” ลูกของชายกระโดดตึกหรือไม่ ขอเวลาหารือกับ สน.ดินแดง
ชุดสืบสวนนครบาลเรียกแม่ของ "เต้" เข้าประชุมหลังดึงสำนวนคดีเก่ามาทำเอง
ขณะที่การขีดเส้นตายของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ให้สรุปสำนวนฟ้องภายใน 15 วัน คดีแทงนายธนิต หรือเต้ เสียชีวิตในซอยประชาสงเคราะห์ 1 เขตดินแดง แต่ศาลยกฟ้องจำเลย จนเกิดเหตุสลดขึ้นกับครอบครัวนายเต้ ซึ่งชุดสืบสวนตำรวจนครบาล นำเอาสำนวนคดีจากสน.ดินแดงและสน.ห้วยขวางมาดูความบกพร่องของคดี พร้อมหารือกับทนายและแม่ผู้ตาย
ตำรวจชุดสืบสวน กองบังคับการสืบสบสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยังประชุมอยู่ภายในห้องซึ่งมีนางเรวดี ทัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย และแม่ของนายธนิต ผู้ตาย พร้อมนางสาวธนพร ศิริบานเย็น ทนายความ เข้ารับฟัง โดยประชุมกันตั้งแต่ 10:00 น.
การประชุมชุดสืบสวนนครบาลวันนี้ ตำรวจนำสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง และสน.ห้วยขวางทำไว้ เพื่อสรุปข้อบกพร่องในสำนวนและขั้นตอนต่อสู้ในศาล โดยเฉพาะคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกอาวุธมีดในที่สาธารณะ เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่มีนายณัฐพงษ์ เงินคีรี หรือโจ้ เป็นผู้ต้องหาที่ 1 และนายเบ็นซ์ จำเลยที่ 2 ซึ่งนายเบนซ์ยังเป็นเยาวชนอยู่ขณะก่อเหตุ สำนวนฟ้องดังกล่าวที่ส่งถึงอัยการจนมีคำสั่งฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง นายโจ้ เพราะประจักษ์พยานไม่ชัดเจน ซึ่งตำรวจจะหารือกับทนายฝ่ายโจทก์ในประเด็นนี้
ขณะที่นางสาวธนพร ทนายความ ยังเชื่อมั่นในคดีและการทำงานของพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง เพราะสำนวนฟ้องระบุการสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ถึง 7 ปาก แต่พยานสำคัญที่เรียกว่าประจักษ์พยาน ไม่ขึ้นเบิกความขั้นสืบพยานโจทก์ในชั้นศาล ซึ่งอาจเป็นเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องจากคดีในท้องที่ สน.ห้วยขวาง เพราะช่วงงานสวดศพนายธนิต เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2559 มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงเพื่อนนายธนิต มีผู้เสียชีวิต 1 คนคือนายชาญศักดิ์ จันทรส และยังจับกุมตัวคนร้ายไม่ได้ ถือเป็นเหตุที่อุกอาจและเข้าข่ายข่มขู่พยาน โดยช่วงบ่ายน่าจะมีความคืบหน้าในการประชุมคดีนี้