วันนี้(7 ส.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณคันคลองชลประทาน ที่จะไปเชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำD9 ที่จะตัดน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานไม่ให้ผ่านเขื่อนแพชร และตัวเมืองจังหวัดเพชรบุรี และส่งน้ำตรงไปลงทะเลที่หาดปึกเตียน
จุดนี้ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นคลองที่เชื่อมต่อจากคลองชลประทานฝั่งขวาของเขื่อนแก่งกระจาน สายใหญ่ที่ 3 และ จุดนี้เป็นฝั่งขวาเส้นที่ 1 ซึ่งจะต้องขุดคันคลอง ให้กว้างมากขึ้น เพื่อที่จะให้การระบายน้ำเป็นไปได้มีประสิทธิภาพ เพราะว่าคลองD9 จะผ่านประตูระบายน้ำไปอีกชั้นหนึ่ง มีศักยภาพในการระบายน้ำ 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ว่าคลองนี้ทำไม่ได้ จึงต้องขุดออกก่อนเพื่อระบายน้ำจากต้นทางซึ่งเป็นจุดสำคัญของสถานการณ์น้ำในจังหวัดเพชรบุรีในขณะนี้ ว่าจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร
หากย้อนกลับไปดูบริเวณสปิลเวย์ เขื่อนแก่งกระจาน มีปริมาณน้ำสูงกว่าคันสปิลเวย์ ประมาณ 40 เซนติเมตร ซึ่งจะเห็นว่ามีน้ำที่ระบายมาจากสปิลเวย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บนสปิลเวย์มีปริมาณน้ำที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการคาดการณ์คือน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานไปยังเขื่อนเพชร ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง แต่จากปริมาณน้ำที่แรงขึ้น การเดินทางของน้ำก็อาจจะที่ไหลแรงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ คือ จะต้องไม่เกิน 250 ลูบาศก์เมตรต่อวินาที แต่หากเกินกว่านั้นก็คงจะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
ขณะที่อีกหนึ่งจุด น้ำจากสปิลเวย์ได้ไหลไปที่รีสอร์ต บริเวณ หมู่ 1 ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นเกาะ มีปริมาณน้ำไหลผ่านเป้นจำนวนมาก
ในส่วนของคลอง D9 มีศักยภาพในการระบายน้ำ 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพียงแต่ว่าคลองชลประทานที่อยู่ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาถึงคลองD9 รับน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานลงมาได้ 2 ฝั่งซ้าย-ขวา ระบายน้ำได้ 55 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่เพียงพอ และไม่สามารถที่จะส่งน้ำต่อไปที่คลอง D9 ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามที่จะขยายคลองชลประทานฝั่งขวา เส้นที่ 1 จากเดิมคลองมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ตอนนี้ขยายเป็น 11 เมตร และความลึกประมาณ 1 เมตร เป็นลึก 2.5 เมตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำเป็น 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกับคลองD9