เมื่อวันที่ (4 มี.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุพัตรา เหนี่ยวรั้งใจ พร้อมด้วยแฟนสาวของ นายทักษ์ดนัย เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงเงินสด 7.2 ล้านบาท จากพนักงานรถขนเงิน BRINKS เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดินทางมารับศพลูกชาย หลังถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมเมื่อช่วงเช้าวันนี้ บริเวณริมพงหญ้ากลางซอยทวีวัฒนา 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม
ตลอดเวลาแม่ของนายทักษ์ดนัย มีท่าทีโศกเศร้าและร้องไห้ พร้อมขอความยุติธรรม เพราะปกติลูกชายเป็นคนรักครอบครัว แต่วัที่เกิดเหตุได้นัดให้ลูกขายมารับ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนมาทราบเรื่องจากในข่าวโทรทัศน์
นางสุพัตราบอกว่าการวิสามัญฯ ของเจ้าหน้าที่เป็นการทำเกินกว่าเหตุ เชื่อว่าลูกชายไม่มีปืน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาว่าพบปืนที่ลูกชายนำไปทิ้งแล้ว และไม่มีทางเป็นไปได้ที่ลูกชายจะต่อสู้ จากนี้ตนเองจะเดินหน้าขอความเป็นธรรมและขอให้พิสูจน์ศพลูกชายอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ระบุว่า ลูกชายเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวสต์เกต เมื่อปี 2560 นั้น ไม่เชื่อว่าลูกชายเป็นคนทำ เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และบ้านที่อยู่ปัจจุบันเป็นเงินเก็บ ไม่ใช่เงินผิดกฎหมาย ส่วนลูกชายจะเคยทำงานบริษัทรถขนเงินหรือไม่ ก็ไม่ทราบข้อมูล
ด้าน พันตำรวจเอกนภดล กาญจนพันธุ์ ผู้กำกับการ สน.หนองค้างพลู ระบุว่าหลังจากนี้จะรอให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบพยานและวิถีกระสุนทั้งหมด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีการวิสามัญฆาตกรรม และสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งแจ้งข้อหากับตำรวจที่วิสามัญ ในข้อหาฆ่าผู้อื่น และแจ้งข้อหานายทักษ์ดนัย ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา แต่นายทักษ์ดนัยเสียชีวิต พนักงานอัยการก็จะจำหน่ายคดีออกจากสารบบ เหลือส่งฟ้องเพียงนายจิรายุส สวนมิ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้เพียงคนเดียว
ส่วนเงินของกลาง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ธนาคารมาตรวจเลขธนบัตร และลายเซ็นบนสายรัดธนบัตร เพื่อยืนยันว่าเป็นเงินที่ถูกชิงทรัพย์ไป ส่วนอาวุธปืนและกระสุน หลังจากที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจหาวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุแล้ว ก็ได้นำไปตรวจพิสูจน์ต่อที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เบื้องต้นพบว่าเป็นอาวุธปืนลูกโม่ขนาดจุด 32 ซึ่งเป็นปืนคนละกระบอกกับที่ใช้ในวันก่อเหตุ แต่เป็นกระสุนปืนขนาดเดียวกัน