เสียงจากนักลงทุนวัยขาสั้นเตรียมเข้าชมรม AC Blockchain and Cryptocurrency
ผ่าเส้นทางธุรกิจบิทคับ (Bitkub) เจ้าแห่งสนามคริปโตฯ ทะยานพันเปอร์เซ็นต์ 4 ปีติดต่อกัน
รร.อัสสัมชัญ-บิทคับ เปิดหลักสูตรสอนคริปโต
พิริยรัชต์ กิตติกุลพรเลิศ (เบส) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตัดสินใจศึกษาการลงทุน คริปโตเคอร์เรนซี เพราะช่วงโควิด-19 ไม่มีอะไรทำเลยเริ่มหันมาสนใจวงการนี้โดยเริ่มต้นการศึกษาจากยูทูป จากหนังสือ มองว่ามีความท้าทายจึงสนใจมากขึ้น และมองว่าการที่โรงเรียนตั้งชมรม AC Blockchain and Cryptocurrency จะเป็นโอกาสที่ดีเพราะในอนาคต Blockchain (บล็อกเชน) จะเข้ามาส่วนในชีวิตมากขึ้น ชมรมฯ ก็เป็นโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาเพิ่มและต่อยอดในอนาคต
ผมมองว่าตอนนี้โลกของ Blockchain (บล็อกเชน) ในวงการการเงินมันยังเป็นก้าวแรกแต่ต่อไปจะสามารถเข้าถึงในอีกหลายๆ วงการในอนาคตซึ่งมีประโยชน์ต่อสายงานที่เราสนใจแน่นอน : พิริยรัชต์ กิตติกุลพรเลิศ (เบส)
ด้าน ธนบูลย์ สุธีร์วรพงศ์ (วิน) บอกว่า ความรู้ด้านการเงินเป็นสิ่งสำคัญกับคนทุกวัยและ คริปโตเคอร์เรนซี คือสินทรัพย์แห่งอนาคตจึงชอบที่จะทำความเข้าใจและศึกษามากกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนตัวได้ผลตอบแทนมากกว่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินไว้กับธนาคาร
ผมมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งซึ่งฝากธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยไม่กี่เปอร์เซ็นต์และไม่ทำให้มีอิสรภาพทางการเงิน จึงต้องหาช่องทางอื่นให้มันงอกเงยมากกว่าเดิม ซึ่งสำหรับวินคำตอบการลงทุนคือในสนาม คริปโตเคอร์เรนซี และดีใจที่โรงเรียนเปิดชมรม AC Blockchain and Cryptocurrency เพราะช่วยให้เรามีสังคม มีพื้นที่ให้ปรึกษากัน คุยกันแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ที่มาของ AC Blockchain and Cryptocurrency
มาสเตอร์พชร จันทร์ศิริ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า ตัวเองเป็นผู้ดูแลกลุ่มสาระการงานอาชีพ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมตัว เตรียมพร้อมให้กับเด็กในการต่อยอดอาชีพต่างๆ ซึ่งอาชีพที่เด็กนักเรียนสนใจในปัจจุบันแตกต่างจาก เมื่อ 5 - 10 ปี ที่แล้ว รูปแบบอาชีพก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ตามเทรนด์ของโลกที่หมุนไป เช่น เทรนด์ของ เมตาเวิร์ส (metaverse) IoT หรือ Internet of Things เทรนด์เรื่อง AI รวมถึง เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน)
ซึ่งตรงกับความตั้งใจของกลุ่มสาระและทางโรงเรียนในการเตรียมพร้อมให้กับเด็กไปทำอาชีพในอนาคตได้ จึงเกิดเป็นชมรม AC Blockchain and Cryptocurrency
คิดว่าน่าจะเป็นการตรียมพร้อมให้เด็กๆ เพราะเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) สามารถเข้ามาทำให้เทคโนโลยีอื่นๆ เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน การลงทุน แต่จะสามารถทำให้เด็กๆที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้ ไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต
ในช่วงแรกจะเปิดรับเฉพาะนักเรียนสายคณิตศาสตร์ บริหารธุรกิจ ประมาณ 10 ไม่เกิน 100 คน แต่กลายเป็นว่าเมื่อประชาสัมพันธ์ออกไปนักเรียนให้ความสนใจอย่างมาก ประกอบกับตอนนี้สามารถเรียนผ่านออนไลน์ได้ เรื่องของจำนวนจึงไม่เป็นอุปสรรค ปัจจุบันมีนักเรียนเข้ามาสมัครและให้ความสนใจราวๆ 500 คน
สอนอะไรบ้าง AC Blockchain and Cryptocurrency
มาสเตอร์พชร บอกว่า ตอนนี้เบื้องต้นจะเป็นการปูพื้นฐานเกี่ยวกับ Blockchain (บล็อกเชน) ว่าเทคโนโลยีนี้คืออะไร นำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องไหนได้บ้าง เพราะตัว Blockchain (บล็อกเชน) เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถไปประยุกต์ใช้ในศาสตร์ต่างๆ ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน การลงทุน แต่ยังรวมไปถึงนักเรียนที่สนใจด้านศิลปะก็สามารถนำไปขาย หรือสร้างงาน ผ่านช่องทางนี้ได้ ด้านวิทยาศาสตร์ สนใจการสร้างเกม เขียนโปรแกรม ก็สามารถต่อยอดไปใช้เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) หลังจากนั้นเมื่อสามารถแยกกลุ่มเด็กที่สนใจในแต่ละด้านได้แล้ว ก็จะเพิ่มกิจกรรมพิเศษเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เขาสนใจได้ต่อไป
ความคาดหวัง คือ รู้สึกว่าตัวกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการปูพื้นฐานให้เด็กนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้ อยากให้เด็กเท่าทันโลก สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้
ฝ่ากระแสลบและความไม่เข้าใจจากผู้ปกครอง
มาสเตอร์พชร ยอมรับว่า ตอนแรกที่มีการประชาสัมพันธ์ออกไปก็มีกระแสลบ ว่าโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก จะสอนให้เด็กลงทุน หรือ พนันออนไลน์หรือเปล่า แต่ในความเป็นจริง Blockchain (บล็อกเชน) มันเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในอนาคตได้ ไม่ใช่แค่การลงทุนหรือการเทรดอย่างเดียว
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ถือเป็นการช่วยกำกับดูแลและในความรู้กับนักเรียนไม่ให้เกิดความเสี่ยงจนนำไปสู่ความเสียหายในอนาคต เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่เด็กจะเรียนรู้ในเรื่องราวการลงทุน การเทรด พวกเขาสามารถไปเรียนรู้ในโลกอินเทอร์เน็ต ยูทูป หรือศึกษาจากแหล่งต่างๆ เองได้ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในหลักสูตรของทางโรงเรียน สิ่งที่ดีคือเราสามารถให้แนวทางเด็กๆ ได้ เช่น ถ้ามาลงทุน มีวิธีการระมัดระวังอย่างไร ดีกว่าให้ไปศึกษาเอง แล้วไม่มีคนให้คำแนะนำแบบนั้นหากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถควบคุมได้เลย
นอกจากนั้นแล้ว การได้ผู้เชี่ยวชาญและชำนาญในด้านนี้มาเป็น "เทรนเนอร์" คอยให้ความรู้ ก็จะยิ่งทำให้ การเรียนการสอน AC Blockchain and Cryptocurrency รอบด้านมากขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจาก Bitkub (บิทคับ)
คอร์สแรก ประวัติศาตร์การเงินตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคคริปโตเคอร์เรนซี
ทำความเข้าใจว่า คริปโตเคอร์เรนซี คืออะไร พัฒนาการของคริปโตเคอร์เรนซี ที่ไม่ได้เพิ่งเกิดมาแค่วัน สองวัน เรียนกันตั้งแต่ยุคแรกของการใช้เงินในประวัติศาสตร์ จนมาถึงยุคของการใช้สกุลเงินต่างๆในโลก และถึงจุดที่สกุลเงินต่างๆ มีปัญหาอะไร ทำไมคริปโตเคอร์เรนซีถึงจะเข้ามาทดแทนตรงนี้ หรือใช้ควบคู่กันไป มันไม่ใช่กระแส แต่มันจะเป็นเทรนด์แห่งอนาคต
รวมถึงทำความรู้จักเหรียญต่างๆ ที่ถูกแยกย่อยออกมาในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี แบ่งประเภทตามวัตถุประสงค์ของการใช้ ให้สามารถจำแนกได้ว่าแต่ละประเภทเกิดขึ้นมาทำอะไร แบ่งประเภทคอยส์ โทเคน มีข้อแตกต่างอย่างไร เหรียญเพื่อการใช้งาน เหรียญเพื่อการลงทุน เพื่อนำไปต่อยอดได้อีกมาก
คอร์สที่สอง What is Blockchain (บล็อกเชน) เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังให้คริปโตเคอร์เรนซีทำงานได้จริง ยกตัวอย่างให้เข้าใจว่า การทำงานของ Blockchain (บล็อกเชน) สร้างแบบจำลองการทำงาน Blockchain (บล็อกเชน) เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ
เมื่อเข้าใจแล้วจะลงลึกในโลกของ Blockchain (บล็อกเชน) ว่าถ้าเราจะเข้าไปมีส่วนร่วม ต้องมีอะไรบ้าง ส่วนสำคัญให้เครือข่ายทำงานได้ เพราะฉะนั้น คอร์สนี้คือ ทำความเข้าใจการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน)ทั้งหมด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังตัวสินทรัพย์ที่เราลงทุน
คอร์สที่สาม Blockchain and Business Use Case คือการเอาครั้งที่ 1 และ 2 มาบูรณาการเข้าด้วยกัน ลงลึกว่าเทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) ไม่ได้ใช้เฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่เป็น การเงิน หรือ ไฟแนนซ์ สามารถนำไปบูรณาการกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น โรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ โดยมีเคสจริงๆให้เห็นเลยว่าทำงานอย่างไร
“ คนสนใจส่วนใหญ่คือเหรียญไหนดี แต่ที่เราจะบอกคือการเหรียญนี้เกิดขึ้นมาเพื่ออะไร มาแก้ปัญหาอะไรในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี แต่ไม่ได้บอกว่าเหรียญนี้การ์ตูนน่ารักดี แต่จะเน้นที่รากฐานมากกว่า”
คุณปิติภูมิ บอกในตอนท้ายด้วยว่า อยากให้น้องไม่ใช่แค่หาในสิ่งที่ชอบ แต่เป็นสิ่งที่สนใจ ความชอบแป้บๆ เราอาจไม่ชอบแล้ว ยกตัวอย่างเคยชอบเหรียญตัวหนึ่งมากเลย เขียวทั้งวันเลย วันไหนที่เป็นแดง ไม่ชอบแล้ว แต่สำหรับตัวผมถ้าสนใจเราจะศึกษาหาไปเรื่อยๆ ว่าทำไมมีปัจจัยอะไรทำให้ราคาลง เปลี่ยนจากความชอบเป็นความสนใจ ซึ่งเราอยากจะศึกษามันไปเรื่อยๆ ถึงแม้เราจะขาดทุนก็เป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
หมายเหตุ : ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน