“บิ๊กต่าย” ย้ำเก็บทุกประเด็นรถบัสไฟไหม้ ดำเนินคดีทุกข้อหาคนขับ-ผู้เกี่ยวข้อง

โดย PPTV Online

เผยแพร่

“รรท.ผบ.ตร.” แถลงสรุปคดีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ย้ำพนักงานสอบสวนเก็บทุกประเด็น ดำเนินคดีทุกข้อหาคนขับ-ผู้เกี่ยวข้อง

วันที่ 2 ต.ค. เวลา 14.23 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. พร้อมคณะ ร่วมแถลงสรุปกรณีรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนเกิดไฟไหม้ ที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรภาค 1 โดยระบุตอนหนึ่งว่า รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยา จังหวัดอุทัยธานี มีทั้งหมด 3 คัน คันแรกมีครู 4 คน นักเรียน 35 คน คันที่ 2 มีครู 6 คน นักเรียนอีก 39 คน และคันที่ 3 มีครู 5 คน นักเรียน 38 คน แต่เกิดเหตุไฟลุกไหม้รถบัสคันที่ 2

คอนเทนต์แนะนำ
ส่องมาตรฐาน “รถบัสโรงเรียนสหรัฐฯ” ปลอดภัยกว่ารถทั่วไป 70 เท่า

บิ๊กต่าย ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร.

โดยในรถที่เกิดเหตุมีนักเรียนชั้นประถม มัธยม และอนุบาลอยู่บนรถ ซึ่งขณะเกิดเหตุครูพานักเรียนลงจากรถได้ 19 คน และครูลงมาได้ 3 คน และมีผู้ติดอยู่บนรถเป็นครู 3 คน นักเรียน 20 คน โดยนักเรียนที่ออกมาได้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล 3 คน ขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทยทั้ง 3 คน โดยอยู่ในห้องไอซียู 1 คน อีก 2 คนอยู่ระหว่างการรักษา หลังจากสามารถควบคุมเพลิงได้พบร่างผู้เสียชีวิต 23 ร่าง

ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าพอสมควร โดยคนขับรถได้ติดต่อมอบตัวที่จังหวัดอ่างทอง ทีมสอบสวนจึงเดินทางไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.คูคต ตั้งแต่เมื่อคืน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.คูคต

ส่วนการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุสำนักงานพิสูจน์หลักฐานร่วมกับกรมการขนส่งได้ร่วมกันตรวจสภาพรถและกำลังตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งยังต้องรอผลการตรวจสอบ

ส่องมาตรฐาน “รถบัสโรงเรียนสหรัฐฯ” ปลอดภัยกว่ารถทั่วไป 70 เท่า

ส่วนการสอบสวนมีการสอบพยานไปหลายปาก และสอบผู้ต้องหาแล้ว โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพทุกข้อหา อยู่ระหว่างการสอบสวนองค์ประกอบแห่งความผิด และการสอบสวนที่จะพิจารณาถึงความผิดผู้ประกอบการ ส่วนเรื่องความเร็วรถนั้น รถคันดังกล่าวมี GPS ซึ่งขณะนี้ พฐ. และขนส่งกำลังร่วมกันตรวจสอบอยู่ รวมทั้งจะคำนวนจากระยะทางและเวลา หรือคำนวนจากภาพในกล้องวงจรปิดเพื่อประเมินความเร็วรถ และเมื่อได้ข้อมูลจะมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ดำเนินการซึ่งในเรื่องความเร็วรถอาจเป็นฐานความผิดฐานประมาทด้วย

ไฟไหม้รถบัส ช่างภาพพีพีทีวี
แถลงสรุปกรณีรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนเกิดไฟไหม้

ส่วนเรื่องถังแก๊สที่มีประเด็นว่าอาจจะไม่ตรงตามที่จดทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบกนั้น รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่อาจจะไม่ตรงกับเอกสารนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องนำเรื่องเหล่านี้มาประกอบการสอบสวนทั้งหมด หากไม่ตรงกับที่จดทะเบียนไว้ ก็บ่งบอกถึงความประมาท และอาจจะผิดกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้นจะต้องดำเนินคดีทุกข้อหาอยู่แล้ว หากลักษณะของรถไม่เป็นไปตามเอกสารที่จดทะเบียน หรือไม่ทำตามที่กรมขนส่งกำหนดก็จะเป็นการพิสูจน์ความผิดอีกฐานหนึ่ง

“อยากให้มั่นใจกับสิ่งที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนดำเนินการตั้งแต่เมื่อวานจนถึงบัดนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเสียใจมาก เกิดความสูญเสียถึง 23 ครอบครัว ขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ผมเองจะสอบถามความคืบหน้าทุกระยะ จะไม่มีช่วยเหลือใครทั้งสิ้น” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวและว่า ตนยังมั่นใจว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียเมื่อวานนี้เราจะดำเนินการตามกฎหมายทุกข้อหากับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อถามถึงประเด็นการติดตั้งถังแก๊สหลังคนขับติดตั้งมาได้อย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า เรื่องนี้ต้องให้การสอบสวนและการตรวจของ พฐ.ปรากฎออกมาก่อน แต่เบื้องต้นพบถังแก๊สในรถ 11 ถัง ซึ่งจะต้องนำข้อมูลไปประกอบการสอบสวนว่าขออนุญาตติดทั้งหมดกี่ถัง

“จากการรับฟังการสอบสวนเบื้องต้น เราสันนิฐานได้ว่าสาเหตุเกิดจากอุปกรณ์ส่วนควบของรถที่นำไปสู่การเกิดประกายไฟ ซึ่งข้อสันนิฐานนี้นำไปสู่ความประมาทของทั้งคนขับและผู้ประกอบการ ซึ่งเบื้องต้นกรณีที่คนขับได้ยินเสียงดังและพบความผิดปกติแต่ไม่หยุดรถ หรือพึงระมัดระวังได้ได้ไม่ใช่ ซึ่งก็จะเข้าข่ายความประมาท”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

ไฟไหม้รถบัส ช่างภาพพีพีทีวี
การแถลงสรุปกรณีรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนเกิดไฟไหม้

ขณะที่ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า การตรวจสอบความเร็วรถพบว่าไม่เกิดกว่าที่กฎหมายกำหนดที่ 90 กม.ต่อชม. โดยรถมีการใช้ความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. ส่วนกรณีการจดทะเบียบครั้งแรกในปี 2513 นั้น เป็นเรื่องอายุโครงเเชสซี ซึ่งพบว่ารถคันนี้มีการจดทะเบียนใหม่ ในวันที่ 26 ต.ค.2561 ซึ่งในการจดทะเบียนใหม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงเเชสซี ขนาดสัดส่วน จำนวนที่นั่งเปลี่ยนแปลงตัวถัง และเปลี่ยนแปลงชนิดเครื่องยนต์โดยใช้แก๊ส CNJ เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งก็ดำเนินการตามขั้นตอนของกรมการขนส่งทางบก มีการรับรองโดยวิศวกร มีการตรวจสภาพถูกต้องใช้งานได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อมูลตามเอกสารอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความถูกต้องของการใช้งาน เจ้าหน้าที่สืบสวนอุบัติเหตุร่วมกับทางพิสูจน์หลักฐานกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการต่อภาษีไม่ได้ดูเรื่องถังแก๊สหมดอายุหรือไม่ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก บอกว่า ในการที่จะต่อภาษีต่างๆก็จะมีหนังสือรับรองเรื่องการใช้แก๊สจากวิศวกรมา ซึ่งเราก็ต้องไปดูทั้งหมด ซึ่งมีการต่อภาษีปกติ และมีใบรับรองเรื่องการใช้แก๊ส ส่วนเรื่องถังแก๊สหมดอายุนั้นต้องขอไปดูอีกครั้งหนึ่ง โดยรถคันดังกล่าวขออนุญาตติดตั้งแก๊ส 6 ถัง

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก บอกอีกว่า โดยในการดำเนินการของกรมการขนส่งทางบกตอนนี้มีการสั่งพักใช้ใบอนุญาตผู้ประกอบการขนส่ง และพักใช้ใบอนุญาตขับรถของคนขับแล้ว และยกเลิกการขึ้นทะเบียนบุคลาการจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งของบริษัทนี้ รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินการของสถานที่ติดตั้งตรวจและทดสอบรถที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงด้วย

ในส่วนเรื่องประตูฉุกเฉินของรถนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) บอกว่า จากการตรวจสอบเมื่อเช้า พบประตูฉุกเฉินที่อยู่ด้านท้ายทางขวาของรถ โดยจากการตรวจสอบพบว่าประตูฉุกเฉินเปิดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าขณะเกิดเหตุประตูจะสามารถใช้การได้หรือไม่ ซึ่งต้องตรวจโดยละเอียด เนื่องจากว่าการที่เราไปตรวจเป็นการตรวจหลังรถเกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้ว ส่วนเรื่องค้อนทุบกระจกนั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่พบ

ไฟไหม้รถบัส ช่างภาพพีพีทีวี
ยืนไว้อาลัย 1 นาที ก่อนแถลงสรุปคดีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงว่าก่อนหารแถลงข่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้ร่วมยืนไว้อาลัย 1 นาที ให้กับเด็กนักเรียนและคุณครูที่เสียชีวิต ก่อนการแถลงข่าวด้วย

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ