วันที่ 19 พ.ย.2567 ทีมข่าวพีพีทีวีได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ กรณี “ทนายตั้ม” และ “เจ๊อ้อย” จาก คุณนพรัฐ พรวนสุข บรรณาธิการข่าวการเมืองและยุติธรรม สำนักข่าวผู้จัดการ ที่เปิดพฤติกรรมของทนายตั้ม และมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นแผนหวังฮุบมรดก “เจ๊อ้อย” หรือไม่
โดยคุณนพรัฐ บอกว่า เรื่องราวระหว่าง เจ๊อ้อย และ ทนายตั้ม เกิดขึ้นระหว่าง ปี 2565 - 2566 โดยเริ่มจาก เจ๊อ้อย รู้จักทนายตั้ม จากการทำคดีหวย 30 ล้าน
หลังจากนั้น ก็เลยมีการติดต่อกัน และมีการจ้างไปเป็นที่ปรึกษา เดือนละ 3 แสนบาท โดย ทนายตั้ม ก็ไปพบกับเจ๊อ้อยที่ฝรั่งเศส จึงได้รู้ว่า เจ๊อ้อย มีทรัพย์สินอะไรบ้าง
นอกจากนี้ ทนายตั้ม จึงพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเจ๊อ้อย จะออกเงินให้ครั้งละ 3-4 ล้านบาท จากนั้นก็มีทำพินัยกรรม 2 ครั้ง ครั้งแรก ยังไม่มีผู้จัดการมรดก แต่ว่าครั้งที่สอง มีการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม โดยให้สำนักงานทนายความษิทรา แปลงให้ ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งตรงนี้ คุณนพรัฐ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการโอนทรัพย์สิน หรือ ที่ดิน มาเป็นชื่อตัวเองก็เป็นได้
นอกจากนี้ มีอีกจุด ที่คุณนพรัฐ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่ทนายตั้ม ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ เพราะทนายตั้ม เคยชวน เจ๊อ้อย ไปเที่ยวที่เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีสัญญาณมือถือ แต่ว่า ครั้งนั้น เจ๊อ้อยไม่ไป เพราะไม่ชอบเดินทางไกล รวมถึงเป็นหน้าร้อน และเพิ่งไปเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต กับลูกชายมา แต่ไม่ได้ปฏิเสธเพราะความกลัว
แต่ถ้าถามว่า พินัยกรรมของเจ๊อ้อย ที่ทนายตั้ม ทำนั้นจะมีผลอะไรหรือไม่เพราะทนายตั้ม ไม่ได้ส่งคืนให้ โดยอ้างว่าทำลายไปแล้ว คุณนพรัฐ บอกว่า ในการทำพินัยกรรมครั้งที่สองนั้น เจ๊อ้อย ระบุในพินัยกรรมว่า จะให้ลูกคนไหนบ้าง ให้ในสัดส่วนเท่าไหร่
"พิชัย" เผย โอนเงิน 10,000 บาท เฟสสอง ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เกินตรุษจีน 68
วันหยุดธันวาคม 2567 เช็กวันสำคัญ - วางแผนลา หยุดยาวได้มากถึง 11 วัน
5 สิ่งใหม่ คาดมาใน Samsung Galaxy S25 Ultra
แต่หลังจากเจ๊อ้อย เริ่มมีปัญหากับ ทนายตั้ม จึงมีการทำ พินัยกรรมครั้งที่สาม ซึ่งเป็นการทำที่อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งทำให้พินัยกรรมของเจ๊อ้อยที่ทนายตั้มทำให้เป็นโมฆะ
และส่วนสุดท้ายที่อาจจะเป็นแผนของทนายตั้ม คือการขอให้เจ๊อ้อย รับลูกคนเล็กของตัวเอง ไปเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งอาจจะมีส่วนในการได้รับมรดก ซึ่งการเสนอนั้น ภรรยาของทนายตั้มให้เหตุผลกับเจ๊อ้อยว่าอยากให้ลูกไปเรียนที่ฝรั่งเศส
โดยตอนนั้นเจ๊อ้อย ยินดีจะรับลูกของทนายตั้มเป็นลูกบุญธรรม แต่ด้วยกฎหมายของฝรั่งเศส ระบุว่า การจะรับลูกบุญธรรมนั้น พ่อแม่จะต้องถามลูกของตัวเองด้วย ซึ่งตอนนั้นลูกชายของเจ๊อ้อยปฏิเสธ ลูกของทนายตั้มจึงไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมของเจ๊อ้อย