ข่าวดังข้ามปี 2567 : "สมรสเท่าเทียม" ไทยทำสำเร็จ ชาติแรกในอาเซียน

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ก่อนกฎหมาย "สมรสเท่าเทียม" มีผลบังคับใช้ 22 ม.ค. 2568 บุคคลหลากหลายทางเพศจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียม เราผ่านอะไรมาบ้าง ย้อนดูเหตุการณ์กัน!

พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2567 ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ “สมรสเท่าเทียม” จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 22 ม.ค. 2568 นับก้าวสำคัญของกฎหมายครอบครัวไทย ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

กฎหมายสมรสเท่าเทียม ความยาว 21 หน้า มีทั้งสิ้น 69 มาตรา ถูกจัดทำขึ้นเพื่อรองรับให้บุคคลเพศหลากหลายสามารถหมั้นและสมรสกันได้ ทำให้มีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสชายและหญิง

คอนเทนต์แนะนำ
สว.โหวตผ่าน “สมรสเท่าเทียม” บังคับใช้หลังประกาศราชกิจจาใน 120 วัน
เปิดรายละเอียด "กฎหมายสมรสเท่าเทียม" ให้สิทธิ LGBT แต่งงาน-รับสวัสดิการในฐานะคู่สมรส
ประเทศที่มี “สมรสเท่าเทียม” คือที่ไหนบ้าง? พบไทยเป็นชาติที่ 38 ของโลก

สมรสเท่าเทียม เตรียมมีผลใช้บังคับ 22 ม.ค. 2568 ช่างภาพพีพีทีวี
ขบวนเฉลิมฉลอง หลังจาก "สมรสเท่าเทียม" ผ่านการพิจารณาในสภา

6 ประเด็นสำคัญ ทุกคนสมรสอย่างเท่าเทียม

  • ปรับอายุขั้นต่ำสำหรับการหมั้นและสมรส จากเดิม 17 ปี เป็น 18 ปี
  • รับรองการสมรสระหว่างบุคคลทุกเพศ โดยมีการแก้ไขถ้อยคำในกฎหมายจาก “ชาย” และ “หญิง” เปลี่ยนเป็นคำว่า “บุคคล” เพื่อให้ครอบคลุมคนทุกเพศ
  • เปลี่ยนคำเรียกคู่สมรส จาก “สามี” และ “ภริยา” เป็น “คู่สมรส” เพื่อความเป็นกลางทางเพศ
  • คนไทยสามารถจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติโดยใช้กฎหมายไทยได้
  • ปรับปรุงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรม ทำให้คู่สมรสเพศเดียวกันมีสิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกันเช่นเดียวกับคู่สมรสทั่วไป
  • คู่สมรสทุกคู่มีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน เช่น สิทธิในการรับมรดก การตัดสินใจทางการแพทย์แทนคู่สมรส และการได้รับสวัสดิการจากรัฐ 

สมรสเท่าเทียม เตรียมมีผลใช้บังคับ 22 ม.ค. 2568 ช่างภาพพีพีทีวี
ขบวนเฉลิมฉลอง หลังจาก "สมรสเท่าเทียม" ผ่านการพิจารณาในสภา

4 ข้อต้องห้าม ไม่อนุญาตให้สมรส

อย่างไรก็ตาม กฎหมายสมรสเท่าเทียม ยังคงมีข้อห้ามเกี่ยวการสมรสไว้ตามเดิม 4 ข้อ ดังนี้

  • บุคคลวิกลจริตหรือบุคคลที่ศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่สามารถสมรสได้ (มาตรา 1449)
  • ห้ามสมรสกับญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา พี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ความเป็นญาตินี้ให้ถือตามสายโลหิต ไม่คำนึงว่าจะเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ (มาตรา 1450)
  • ห้ามผู้รับบุตรบุญธรรมสมรสกับบุตรบุญธรรม (มาตรา 1451) หากผู้รับบุตรบุญธรรมสมรสกับบุตรบุญธรรม การรับบุตรบุญธรรมย่อมเป็นอันยกเลิกไป (มาตรา 1498/32)
  • ห้ามบุคคลสมรสขณะที่มีคู่สมรสอยู่แล้ว หรือ ห้ามสมรสซ้อน (มาตรา 1452)

สมรสเท่าเทียม เตรียมมีผลใช้บังคับ 22 ม.ค. 2568 ช่างภาพพีพีทีวี
ขบวนพาเหรด เฉลิมฉลอง Pride Month ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปี

13 ปีที่รอคอย ไทยมี “สมรสเท่าเทียม” ชาติที่ 38 ของโลก

ปี 2555 นายนที ธีระโรจนพงษ์ นักเคลื่อนไหวทางสังคมได้ยื่นขอจดทะเบียนสมรสกับคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมากว่า 19 ปี แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากกฎหมายรับรองการจดทะเบียนสมรสต้องเป็นชายกับหญิงเท่านั้น ทำให้ในเวลานั้น เริ่มมีการเรียกร้องและผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้น

กว่า “สมรสเท่าเทียม” จะถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง กินเวลานานกว่า 8 ปี โดยในปี 2563 “ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์” สส.ก้าวไกล ในขณะนั้น ได้ยื่นร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้แรก โดยยืนยันหลักการว่าการตั้งครอบครัว เป็นสิทธิของคนทุกคน ไม่เกี่ยวกับเพศสภาพ

พฤศจิกายน 2564 ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่คำวินิจฉัยจากคำร้องของคู่รักหญิง-หญิง ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนสมรส แต่ถูกนายทะเบียนปฏิเสธ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรดำเนินการตรากฎหมายเพื่อรับรองสิทธิและหน้าที่ของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ

อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ในสภามีเหตุให้ต้องล่าช้าออกไป หลังจากที่ประชุมลงมติให้นำร่างกฎหมายกลับไปศึกษา 60 วัน ก่อนส่งกลับคืนสภาต่อไป

มิถุนายน 2565 จาก “สมรสเท่าเทียม” ที่ถูกชะลอออกไป ถูกเสนอกลับมาในสภา พร้อมกับร่างกฎหมายอีกฉบับ คือ “พ.ร.บ.คู่ชีวิต” เสนอโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย แต่ท้ายที่สุด สภาก็รับหลักการวาระแรกให้กับกฎหมายทุกฉบับ

ต่อมามีการยุบสภา ทำให้ร่างกฎหมายค้างอยู่ในสภา และต้องรอให้รัฐบาลนำกลับมาพิจารณาภายใน 60 วัน นับตั้งแต่มีการเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก

ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคก้าวไกล ยื่นร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ 9 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือ “สมรสเท่าเทียม” กระทั่งสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการวาระแรก เมื่อเดือนธันวาคม 2566

27 มีนาคม 2567 ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของไทย หลังสภาผู้แทนราษฎรลงมติวาระ 3 ผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ด้วยมติเห็นชอบ 400 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง ทำให้กฎหมายเดินหน้าสู่การพิจารณาในชั้นวุฒิสภาต่อไป

18 มิถุนายน 2567 วุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ด้วยมติเห็นชอบ 130 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง กระทั่ง “สมรสเท่าเทียม” ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้บังคับในอีก 120 วันถัดมา ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มกราคม 2568

จากการสำรวจกฎหมายทั่วโลก พบว่า การประกาศใช้ “สมรสเท่าเทียม” จะทำให้ ประเทศไทยเป็นชาติแรกของภูมิภาคเอกเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และเป็นแห่งที่ 3 ของทวีปเอเชีย ต่อจาก ไต้หวันและเนปาล หรือนับเป็นแห่งที่ 38 ของโลก ที่จะใช้บังคับกฎหมายนี้ 

สมรสเท่าเทียม เตรียมมีผลใช้บังคับ 22 ม.ค. 2568 ช่างภาพพีพีทีวี
ขบวนพาเหรด เฉลิมฉลอง Pride Month ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปี

ดีเดย์! 22 ม.ค. 68 รับรองจดทะเบียนสมรส

หลายหน่วยงานของรัฐ เตรียมความพร้อมรองรับกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยเฉพาะสำนักงานเขตหรืออำเภอ เตรียมที่จะเปิดให้มีการจดทะเบียนสมรส

โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ประกาศความพร้อมรับจดทะเบียนสมรสอย่างเท่าเทียม โดยเอกสารที่ต้องใช้คือบัตรประชาชนใบเดียว และคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 20-30 นาทีต่อคู่ โดยจะมีกรซักซ้อมการทำงานในวันที่ 4 ม.ค. 2568 ก่อนที่จะเริ่มจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป

คอนเทนต์แนะนำ
กทม.พร้อม! ซักซ้อมรองรับการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เริ่มวันแรก 22 ม.ค.68
ข่าวดังข้ามปี 2567 : เมื่อนักร้อง (เรียน) ถูกร้องจนถูกจับ
ข่าวดังข้ามปี 2567 : ตามล่า "แคดเมียม" โลหะอันตรายถูกขุดหายไปจากหลุม

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ