แอปฯ "Jagat" เรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่มาแรงในประเทศไทยขณะนี้ จากการตามล่าเหรียญเงินรางวัลเพื่อแลกเป็นเงินจริง จนทำให้มีผู้ใช้ TikTok โดยเฉพาะวัยรุ่นหลายราย ตะลอนไปทั่วพื้นที่ที่มีเหรียญปรากฏ จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชน
ล่าสุด ศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC Eagle Eye สังกัดสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โพสต์เฟซบุ๊กเตือนด้วยข้อความว่า "แจ้งเตือน App ชื่อ Jagat มีความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล"
ด้านเฟซบุ๊กเพจ ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท. เผยว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เห็นถึงความสำคัญของปัญหาซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ และความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากการเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Jagat จะต้องมีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและยังสามารถเข้าถึงพิกัดของผู้เล่นได้
จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รรท.ผบก.สอท.5 เร่งรัดตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน Jagat ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมล่าเหรียญ Jagat ว่ามีความปลอดภัยและได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พร้อมคณะ ได้นำกำลังชุดปฏิบัติการ จ.ภูเก็ต ออกตรวจสอบจุดที่มีการแสดงพิกัดของเหรียญในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พบมีชายวัยรุ่น 2 คน มาตามหาเหรียญ โดยแจ้งว่าทราบกิจกรรมดังกล่าวจากสังคมออนไลน์ จึงออกติดตามหาเหรียญแต่ไม่พบ
จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฏหมายและวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก่อนที่วัยรุ่นดังกล่าวจะเดินทางกลับ และยังได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต ในการวางมาตรการดูแลความปลอดภัย และให้ความรู้กับประชาชนที่ร่วมกิจกรรม เพื่อให้ปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง
ตำรวจไซเบอร์ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนว่า การเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว