วันอังคารที่ 10 มิ.ย. 68 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงาน เพจ "สายไหมต้องรอด" ตลาดจิงเกิลเบลส์ ถ.วัดเกาะ เขตสายไหม กทม. คุณยายอดีตครู เดินทางมาร้อง "สายไหมต้องรอด" ว่าถูกดาราหนังซีรีส์วัยรุ่นชื่อดัง อ้างตัวเองเป็น "หม่อม" เป็นหลานชายบุคคลระดับสูง หลอกสูญเงินกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับดาราคนดังกล่าวในข้อหา ฉ้อโกง อีกจำนวนมาก
ชายหนุ่มอ้างเป็นหม่อมหลวง โดยสวมชุดขาวคล้ายข้าราชการชาย ที่ประดับด้วย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ (เหรียญ, ดารา, สายสะพาย) ซึ่งแสดงถึงเกียรติยศและตำแหน่งของผู้สวมใส่ในโอกาสสำคัญทางราชการและพระราชพิธี
บัตรประชาชนของหม่อมหลวง จะมีคำนำหน้าชื่อว่า “ม.ล.” ซึ่งย่อมาจาก “หม่อมหลวง” แต่ข้อมูลจากสายไหมต้องรอดระบุภาพบัตรของดาราชายว่า "ปลอมบัตรประชาชนว่าเป็นหม่อม บัตรจริงเป็นคนธรรมดา"
โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณยายสมัย (นามสมมุติ) อายุ 87 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคุณครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง และรู้จักเด็กชายคนหนึ่งตั้งแต่ปี 2562 เขามาโดยการเป็นจิตอาสาและเข้ามาทำความรู้จักกับคนภายในโรงเรียน บอกว่าตนเองเป็นดารานักแสดงและนามสกุลดัง ทำให้ทุกคนในโรงเรียนให้ความนับถือ เชื่อถือ และยังบอกว่าพ่อของเขาเป็นคุณครูสอนอยู่โรงเรียนนายร้อยยศใหญ่
พอมาช่วงปี 2564 เขาอ้างว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ให้เพื่อนมาขอยืมเงินของตนจำนวน 300,000 บาท บอกให้ช่วยเหลือเพราะจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่พอ จากนั้นให้เพื่อนมาขอยืมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 300,000 บาท จนตนเองได้โทรไปสอบถามว่าคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง เขาก็ยังบอกว่าคุณแม่ยังไม่หายป่วย การรักษาโรคมะเร็งจำเป็นต้องใช้เงินเยอะ และยังออกอุบายว่าจะนำที่ดินไปขายและนำเงินมาใช้คืนให้ ตนจึงเชื่อใจ "เขาเป็นคนมีชื่อเสียงไม่น่าจะมาหลอกกันได้" จนโอนเงินให้ทั้งหมดรวม 3,500,000 บาท พอเงินสดของตนหมด ตนก็ให้สร้อยทองไปอีก 6 บาท และแหวนทองอีกจำนวนหนึ่ง
ต่อมาเขายังมาบอกกับตนว่า บ้านของเขาที่ จ.ขอนแก่น จะถูกยึด ขอยืมโฉนดที่ดินของตนไปค้ำประกันบ้านได้หรือไม่ ด้วยความเชื่อใจจึงให้หยิบยืมไป
ระยะเวลาผ่านไป 6 ปี ทุกวันนี้ตนเองยังไม่ได้รับทรัพย์สินเงินทองคืน เจ้าตัวผลัดการจ่ายเงินมาโดยตลอด ล่าสุดนัดคืนเงินทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ ตนเองก็จะรอให้ถึงสิ้นเดือน หากยังไม่นำเงินมาคืน ตนเองจะตัดสินใจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทางด้านของ คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมในกรณีเดียวกัน คนหนึ่งเป็นอดีตคุณครูอายุ 87 ปี คุณครูเสียบ้านไป 1 หลัง เงินสด 3.5 ล้านบาท และทองอีกจำนวน 6 บาท รวมแล้วเบ็ดเสร็จมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท เกือบ 10 ล้านบาท
ส่วนผู้เสียหายอีกคนก็ถูกคนคนเดียวกันหลอก สูญเงินไป 300,000 กว่าบาท
"อยากฝากถึงคนที่หยิบยืมเงินเขาไป หากดูอยู่ให้เอาเงินมาคืน ซึ่งหลังจากนี้หากไม่เอาเงินมาคืน ทางผู้เสียหายจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด"
และยังมีการแอบอ้างว่าเป็นหม่อม และแต่งชุดคล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาหลอกยืมเงินผู้เสียหาย ซึ่งตนมองว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นความจริง จะถูกดำเนินคดีในข้อหาหนัก อย่างไรก็ตามตนจะประสานไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว
ขณะที่ทางด้านของ นายไอซ์ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหายรายที่สอง เปิดเผยว่า ชายที่อ้างตัวเป็นหม่อมคนดังกล่าว เป็นบุคคลที่เข้าไปช่วยเหลือคุณครูที่โรงเรียนอยู่หลายปีจึงทำให้รู้จักกัน โดยชายคนนี้มักอ้างว่าไม่มีคุณพ่อคุณแม่ และคุณพ่อคุณแม่เสียแล้ว เป็นลูกคนเดียว แล้วคุณครูที่โรงเรียนนั้นก็จะมีแต่ผู้สูงอายุประมาณ 70-90 ปี ทำให้มีความเชื่อใจมาก จึงให้หยิบยืมเงินไปรักษาพ่อ แม่ และดูแลครอบครัวต่าง ๆ
และจากนั้นก็มีการหลอกคุณครูมาเรื่อย ๆ ว่าขอเลื่อนวันคืนเงิน แต่จะใช้คืนวันนี้บ้าง และพอใกล้วันคืนเงิน ก็จะเกิดเหตุการณ์ปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก ทำให้ไม่สามารถใช้เงินคืนได้ โดยคุณครูก็เชื่อใจ เนื่องจากชายคนนี้เข้าไปช่วยเหลือที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ประมาณ 8 ปีแล้ว
โดยการที่ตนรู้จักกับชายคนนี้ได้ เพราะชายคนก่อเหตุมาหลอกยืมเงินจากตน โดยใช้การอ้างว่าตนเองเป็นหลานเจ้าของโรงเรียนที่คุณครูสอนอยู่ และบอกว่าโรงเรียนจะปิดตัวลงแล้ว และคุณครูในโรงเรียนก็ต้องการใช้เงิน เพราะคุณครูทุกคนมีอายุมากและมีอาการป่วย
ด้วยความสงสารตนจึงช่วยให้ยืมไป และฝั่งชายคนก่อเหตุก็เผลอให้ contact (ข้อมูลติดต่อ) คุณครูมา ตนก็เลยได้บังเอิญโทรคุยกับคุณครู จนกระทั่งได้ทราบว่าคุณครูก็โดนหลอกเหมือนกัน โดยตนสูญเสียเงินไป 367,000 บาท โดยตอนแรกยืมขอช่วยให้คุณครูจะออกจากโรงพยาบาลก่อนยอดหนึ่งคือ 117,000 บาท แล้วก็ต่อมาก็ขอยืมให้ป้า ๆ ลาดพร้าวที่เป็นครูอีก 230,000 บาท แล้วก็ขอยืมให้ดอกเตอร์อีก 20,000 บาท
ซึ่งในตอนนั้นเวลาตนเดือดร้อนเขาก็จะเสนอว่าจะช่วยเงินให้ก่อน เหมือนเป็นการให้ตนมั่นใจว่าตนจะได้เงินก้อนนั้นคืน ชายคนดังกล่าวเลยให้ตนกดเงินจากบัตรเครดิตเอาเงินให้เขายืม และบอกว่าหากได้เงินแล้วค่อยมาหักขอคืนให้
และอีกอย่างที่ทำให้เชื่อใจให้ยืม เนื่องจากชายคนดังกล่าวเขาอ้างว่าเขาเป็นหลานกับคนที่มียศในสังคม และก็มีการทำ LINE ปลอมของบุคคลนั้นด้วย ทำให้ตนเชื่อว่าเขาเป็นหลานคนที่ถูกอ้างถึงจริง ๆ รวมไปถึงก็มีการส่งรูปส่วนตัวของท่านผู้ใหญ่คนนั้นมาให้ดู ตนก็จึงเข้าใจว่าน่าจะเป็นลุงของชายคนดังกล่าวนั้นจริง ๆ และพอตนเดินทางไปเจอท่านผู้ใหญ่คนนั้นจริง ๆ ปรากฏว่าท่านไม่รู้เรื่อง และตอนนี้ตนก็ได้มีการไปแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการสร้างเรื่องว่าเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนที่คุณครูสอนอยู่ เพื่อให้ตนเชื่อถือ โดยในช่วงแรกชายคนดังกล่าวเสนอจะช่วยเหลือตนทางการเงินก่อน โดยส่ง ID LINE ที่อ้างว่าเป็นของ “ลุง” มาให้ พร้อมทั้งมีการโทรศัพท์มาเพื่อหลอกว่า “ลุง” นัดพบ ตนจึงรู้สึกมั่นใจว่าจะได้รับเงินคืนในอีกไม่นาน
แต่เมื่อถึงวันนัด เขาก็ผัดผ่อนออกไปเรื่อย ๆ และยังอ้างเพิ่มเติมว่าตนเองเป็น “หม่อม” พร้อมแสดงบัตรประชาชนปลอมที่มีคำนำหน้าว่า “หม่อม” รวมถึงภาพถ่ายในชุดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ