หลังจากที่ ครม. อนุมัติจัดซื้อเครื่องบินรบ “กริพเพน” ล็อตใหม่ เฟสแรก จำนวน 4 เครื่อง 1 ฝูงบิน นับเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนถึงแนวทางการยกระดับขีดความสามารถทางอากาศของประเทศ เพื่อดำรงขีดความสามารถในการรักษาอธิปไตยเหนือน่านฟ้า โดยจะมีพิธีเซ็นสัญญาที่สวีเดนในวันที่ 25 สิงหาคมนี้
สำหรับ “กริพเพน” นับเป็นเครื่องบินรบที่ออกแบบมาให้ตอบสนองทุกภารกิจทั้งการสกัดกั้น การลาดตระเวน และการโจมตีเป้าหมายในทุกสภาพแวดล้อม
“กริพเพน” หรือ “Saab JAS 39 Gripen” เป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์เครื่องยนต์เดี่ยวความเร็วเหนือเสียงขนาดเบา ออกแบบโดยบริษัท Industrigruppen JAS และ FMV พัฒนาโดยบริษัท Saab AB สัญชาติสวีเดน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ปี 1996 โดยมีกลุ่มประเทศที่นำเข้าประจำการครั้งแรกคือ สวีเดน บราซิล แอฟริกาใต้ และ ฮังการี
ที่มาของ กริพเพน เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970s โดยเป็นโครงการหาเครื่องบินขับไล่ทดแทนรุ่น Saab 35 Draken และ Saab 37 Viggen ที่เริ่มเก่าแล้วในยุคนั้น ซึ่งกองทัพอากาศสวีเดนต้องการเครื่องบินความเร็วมัค 2 ที่มีประสิทธิภาพการบินระยะสั้นที่ดี รองรับการเทกออฟบนรันเวย์ 800 เมตร กว้าง 17 เมตร พร้อมราคาที่ประหยัด โดยกองทัพได้มีการศึกษาเครื่องบินชาติอื่น ๆ หลายแบบ เช่น F-16 F/A-18 Hornet F-20 Tigershark และ Dassault Mirage 2000 จนในที่สุดรัฐบาลสวีเดนก็เลือก Saab JAS 39 Gripen
กริพเพน ได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา คล่องตัว และมีระบบอวิโอนิกส์ (ระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน) ที่ล้ำสมัยและสามารถปรับเปลี่ยนได้ มีพื้นผิวควบคุมแบบ Canard (ปีกเล็กที่อยู่ด้านหน้า) ช่วยเพิ่มแรงยกในทุกระดับความเร็ว มีปีกแบบ Delta Wing ช่วยชดเชยแรงยกลบจากแผงควบคุมท้ายลำตัวในความเร็วสูง มีระบบควบคุมการบินแบบดิจิทัล Fly-by-Wire เพื่อรักษาเสถียรภาพ ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และลดแรงต้านอากาศ สามารถขึ้น-ลงในระยะสั้นได้
ตัวเครื่องกริพเพน ถูกออกแบบให้ใช้การบำรุงรักษาน้อย เพื่อช่วยลดต้นทุนในการบำรุงรักษา โดยระบบหลัก เช่น เครื่องยนต์ RM12 และเรดาร์ PS-05/A มีลักษณะเป็นแบบแยกส่วน นอกจากนี้ยังถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้สามารถติดตั้งเซ็นเซอร์ คอมพิวเตอร์ และอาวุธรุ่นใหม่ ๆ ได้ตามเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อไปในอนาคต
กริพเพน รองรับการติดตั้งอาวุธหลายประเภท นอกเหนือจากปืนใหญ่อากาศ Mauser BK-27 ขนาด 27 มม. จำนวน 120 นัด ที่ติดตั้งในรุ่นที่นั่งเดี่ยว (ไม่มีในรุ่นสองที่นั่ง) ยังมีอาวุธอื่น ๆ ที่สามารถใช้งานได้ เช่น ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder ขีปนาวุธอากาศสู่พื้น AGM-65 Maverick ขีปนาวุธต่อต้านเรือ RBS-15 ระเบิดนำวิถี GBU-12 Paveway II ระเบิด Mark 82 และระเบิด GBU-39
ขณะที่ในปี 2010 ฝูงบิน กริพเพน ของกองทัพอากาศสวีเดนได้ผ่านการอัปเกรดเป็นมาตรฐาน MS19 ซึ่งรองรับอาวุธใหม่ ๆ เช่น ขีปนาวุธ MBDA Meteor (พิสัยไกล) ขีปนาวุธ IRIS-T (พิสัยใกล้) และระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU-49
ขณะปฏิบัติการ กริพเพน สามารถบรรทุกอาวุธและอุปกรณ์ได้รวมสูงสุดประมาณ 6,500 กิโลกรัม โดยมีอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายนอกมากมาย เช่น ระบบตรวจการณ์และชี้เป้าหมาย ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแบบบูรณาการที่สามารถทำงานแบบพาสซีฟ (ไม่ถูกตรวจจับ) หรือรบกวนเรดาร์ข้าศึกแบบแอกทีฟได้ ระบบเตือนภัยขีปนาวุธจะตรวจจับและติดตามขีปนาวุธที่กำลังพุ่งเข้ามาแบบพาสซีฟโดยไม่เปิดเผยตำแหน่ง และระบบป้องกันตัวเองแบบโมดูลาร์ Enhanced Survivability Technology (EST) ซึ่งใช้เพื่อต่อต้านขีปนาวุธศัตรู
ปัจจุบัน กริพเพน ถูกพัฒนามาแล้ว 7 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ JAS 39A, JAS 39B, JAS 39C, JAS 39D, Gripen NG, JAS 39E, และ JAS 39F เข้าประจำการในกองทัพอากาศของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่มีการเข้าประจำการในฝูง 701 กองบิน 7 สุราษฎ์ธานี
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
