ระวัง! อาหารทะเลจานโปรด อาจมีโทษแฝงอยู่


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ซีฟู๊ดที่ทุกคนชื่นชอบ ใครจะไปรู้ว่าอาจมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ก็ได้ ไปดูกันว่าสารใดบ้างที่แฝงมากับอาหารทะเล

อาหารทะเล มีแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นไอโอดีน ธาตุเหล็ก สังกะสี และแคลเซียม โดยเฉพาะไอโอดีนนั้นพบว่า มีมากถึง 600 ไมโครกรัม ในอาหารทะเลสดหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งมีมากกว่าในเนื้อหมูและเนื้อไก่ 2 ถึง 3 เท่า

 

อาหารทะเลส่วนใหญ่มีกรดไขมันอยู่ในปริมาณต่ำ และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับของโคเลสเตอรอลในเลือด นอกจากนี้อาหารทะเลเกือบทุกชนิดมีปริมาณโคเลสเตอรอลต่ำ ยกเว้นกุ้ง ปลาหมึก และปู ที่มีปริมาณโคเลสเตอรอลสูง ถึงแม้ว่าอาหารทะเลจะมีประโยชน์  แต่ก็มีพิษติดตามมาอีกเช่นเดียวกัน

สธ. แนะ กินอาหารทะเล “ยำ – ปิ้งย่าง” ต้องกินสุกร้อน ไม่กินดิบ

​กรมวิทย์ฯ เตือนระวังเลือกซื้อปลาแซลมอน หลังพบสารปนเปื้อน

 

 

มีโลหะหนักหลายชนิดที่สามารถตรวจพบในอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นตะกั่ว สังกะสี แคดเมียม และทองแดง พบว่า สารพิษพวกนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆปี และสามารถตรวจพบได้ในอาหารทะเลประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลา ปูม้า กั้งตั๊กแตน หอยนางรม และปลาหมึก โดยพบว่ามีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีพิษภัยอื่นๆ ที่อาจพบได้ในอาหารทะเลอีก คือ

 

สธ.ยันอาหารทะเลระยองยังกินได้ ขอปรุงสุก

 

ขี้ปลาวาฬ (red tide)

ขี้ปลาวาฬเกิดขึ้นจากแพลงก์ตอนพวกไดโนแฟลกเจลเลต  ซึ่งโดยปกติสามารถพบได้ในน้ำทะเลทั่วๆ ไป สังเกตได้จากน้ำมีสีน้ำตาลแดง เมื่อมีอุณหภูมิพอเหมาะ เช่น มีอากาศร้อนจัด สัตว์พวกนี้จะแบ่งเซลล์และเจริญเติบโตในน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว

 

ไดโนแฟลกเจลเลตเข้าสู่สัตว์ทะเลโดยผ่านทางห่วงโซ่อาหาร พบมากในหอย โดยแพลงก์ตอนเหล่านี้จะสร้างสารพิษพวกไบโอท็อกซิน (biotoxin) ที่ทนความร้อน ดังนั้น จึงไม่สามารถทำลายได้ในกระบวนการปรุงอาหาร กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับหอยแมลงภู่เป็นพิษที่บริเวณปากแม่น้ำปราณบุรี ในปี พ.ศ.2526 พบว่า มีผู้ป่วยประมาณ 50 ราย และมีเด็กเสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ป่วยมีอาการชาบริเวณปากและแผ่ไปยังอวัยวะต่างๆ แน่นหน้าอก เคลื่อนไหวลำบาก และบางรายมีอาการอาเจียน

 

จากการตรวจวิเคราะห์น้ำตัวอย่าง 1 ลิตร พบพวกไดโนแฟลกเจลเลตสูงถึง 40,000 เซลล์ และตรวจพบไบโอท็อกซินในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่พบในหอยสองฝา เช่น หอยกะพง และหอยนางรม หอยนางรมนั้นกินแพลงก์ตอนทุกชนิด และค่าดัชนีความสมบูรณ์สูงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีแพลงก์ตอนพวกนี้มากในน้ำทะเล ดังนั้น โอกาสที่หอยนางรมเป็นพิษอาจเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนได้เช่นเดียวกัน

 

แบคทีเรีย

มีแบคทีเรียหลายชนิดที่สามารถตรวจพบได้ในอาหารทะเล และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องร่วง แต่มีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของโรคท้องร่วงมากที่สุด คือ เชื้ออหิวาต์เทียม หรือวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส (Vibrio parahaemolyticus) เชื้อชนิดนี้สามารถพบได้ทั้งในน้ำทะเลและอาหารทะเล เช่น ปลา ปูม้า หอย กุ้ง กั้ง ปูทะเล และปลาหมึก นอกจากนี้ยังพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น หอยแครงลวก ปลาดิบ ยำหอยนางรม ปูดอง หอยดอง

 

เชื้อชนิดนี้สามารถพบได้ตลอดปี แต่พบมากในฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อาการที่ปรากฏเด่นชัด คือ อาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง อาจมีอาการปวดศีรษะและหนาวสั่นร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วง 12-24 ชั่วโมงหลังจากกินอาหารทะเลเข้าไป

 

พยาธิในอาหารทะเล

มีพยาธิหลายชนิดทีเดียวที่สามารถพบได้ในอาหารทะเล เช่น ในกรณีของหอยนางรมนั้นพบได้ทั้งพยาธิตัวแบน และพยาธิตัวตืด โดยพยาธิเหล่านี้อาศัยในส่วนเยื่อแมนเทิล (mantle) ของหอย นอกจากนี้ยังสามารถพบพยาธิตัวจี๊ดในปลาทะเลได้เช่นเดียวกับในปลาน้ำจืด

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนนำอาหารทะเลมาปรุง  ควรล้างให้สะอาดเสียก่อนและทำให้สุกแม้ว่ารสชาติอาจเสียไปบ้าง แต่สามารถทำให้แบคทีเรียและพยาธิหมดไปได้

 

"เชื้อราที่เล็บ" หนึ่งในปัญหาสุขภาพมือ - เท้าที่ไม่ควรมองข้าม

 

ขอขอบคุณข้อมูลสุขภาพ : จากโรงพยาบาลกรุงเทพ 

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ