
เพชฌฆาตเงียบ “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs” ป้องกันได้เริ่มที่ตัวเรา
เผยแพร่
การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน ส่งผลให้หลายคนดำรงชีวิตด้วยพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งการบริโภคอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด และไขมันสูง ขาดการทานผักผลไม้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เคลื่อนไหวร่างกายน้อย และการใช้ชีวิตท่ามกลางมลภาวะ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ ‘โรค NCDs’
“โรค NCDs คือโรคที่ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ชีวิตผิด หรือว่าไม่ระวัง ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราเพื่อต่อสู้โรคนี้ได้” ‘หมอแอมป์ - นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ’ นายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO) และประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิกได้กล่าวถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-communicable diseases)
สธ.กาฬสินธุ์ แจงชาวบ้านตาย 5 คน เป็นโรคไม่ติดต่อ แนะปชช.รักษาสุขภาพช่วงนี้
ตรวจเช็ก 8 สัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่บ่งว่าตัวคุณเสี่ยงเป็นเบาหวาน
ชัดก่อนแชร์ | คนที่สูบบุหรี่เสี่ยงโควิด-19 มากกว่าคนไม่สูบ จริงหรือ? | PPTV HD 36
กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-communicable diseases) เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ มีการดำเนินของโรคไปอย่างช้าๆ สะสมเป็นเวลานาน เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุกรรม พฤติกรรม สิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิต
สังคมสูงอายุ "อย่างสมบูรณ์"และโควิดลาม หนุนอุตสาหกรรมยาปีนี้โต 3-5%
คุณหมอแอมป์ อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคกลุ่มนี้มี 6 โรคหลักๆ ได้แก่ 1.โรคเบาหวาน 2.โรคอ้วน 3.โรคความดันโลหิตสูง 4.โรคไขมันในเลือดสูง ทำให้กลายเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง 5.เฉลี่ยสูงถึง 44 คนต่อชั่วโมง2 โดยโรค NCDs ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย คือ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)3
- โรคเบาหวาน (Diabetes)
- หรือ International Diabetes Federation (IDF) ในปี 2564 พบว่าทั่วโลกมีจำนวนผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 537 ล้านคน และคาดว่าในอีก 24 ปีข้างหน้า ตัวเลขจะเพิ่มสูงถึง 784 ล้านคน เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่พบผู้ป่วยเบาหวานมากกว่า 4.8 ล้านคน คิดภาพง่ายๆ ว่า ในทุก 10 คน จะมีคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน 1 คน และที่น่าตกใจคือ 40% ของกลุ่มผู้ป่วยนั้นไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน
- 2 เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด สูงถึง 90% เป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ อาทิ จอประสาทตาถูกทำลาย(Diabetic Retinopathy), โรคไตเรื้อรัง(Chronic kidney disease), หัวใจล้มเหลว(Heart failure), หลอดเลือดสมองอุดตัน(Stroke), และการเกิดแผลเบาหวานเรื้อรัง(Diabetic ulcer) โดยเป็นผลจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย
- Diabetes Prevention Program (DPP) เป็นการวิจัยแบบ Randomized Controlled Trial เปรียบเทียบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Lifestyle Change) และการใช้ยา Metformin ต่อการป้องกันและชะลอการเกิดโรคเบาหวาน ผลวิจัยพบว่าทั้ง 2 วิธีสามารถช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Lifestyle Change) มีประสิทธิภาพสูงกว่าการทานยาเกือบ 2 เท่า
- 2 เคยถูกเข้าใจว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่มีวันรักษาหาย แต่ในปัจจุบันได้นิยามการหายของเบาหวานชนิดที่ 2 ไว้ว่า โรคเบาหวานที่อยู่ในภาวะสงบ ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ระดับน้ำตาลในเลือด ขณะอดอาหาร น้อยกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ น้ำตาลสะสม น้อยกว่า 6.5%) โดยไม่ต้องพึ่งยาหรือการรักษาใดๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยเป็นผลจากการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย จนมวลไขมันในร่างกายลดลงอยู่ในระดับปกติ ส่งผลให้เซลล์ตับกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการขจัดของเสียออกจากร่างกาย และเซลล์ตับอ่อนสามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ดียิ่งขึ้น และยังรวมถึงเซลล์ต่างๆ ในร่างกายกลับมาตอบสนองต่ออินซูลินได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
- โรคอ้วน (Obesity)
ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วน รายงานปี 2559 ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าผู้ใหญ่ 39% หรือมากกว่า 1.9 พันล้านคน มีปัญหาน้ำหนักเกินหรืออ้วน เช่นเดียวกับประเทศไทย ข้อมูลจากกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความชุกของปัญหาน้ำหนักเกินหรืออ้วนในผู้ใหญ่ ในปี 2564 อยู่ที่ 47.2% เพิ่มขึ้นจาก 34.7% ในปี 2559 ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีความชุกภาวะอ้วนลงพุงมากที่สุด (56.1%) รองลงมาคือภาคกลาง (47.3%), ภาคใต้ (42.7%), ภาคเหนือ (38.7%), และภาคอีสาน (28.1%)
และที่น่ากังวลคือเด็กก็พบปัญหาโรคอ้วนและน้ำหนักเกินเช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ ในปี 2564 ความชุกของโรคอ้วนและน้ำหนักเกินในเด็ก อายุน้อยกว่า 5 ปี อยู่ที่ 9.07 % สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 5.7%
- (Body mass index; BMI) คำนวณได้จากการนำน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ซึ่งถ้าผลที่ได้ มีค่าอยู่ในช่วง 25 - 29.9 กิโลกรัม/เมตร2 จะถือว่ามีน้ำหนักตัวเกิน และถ้าค่าสูงกว่า 30 กิโลกรัม/เมตร2 จะถือว่ามีภาวะอ้วน
- อาจบอกผลคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากองค์ประกอบหลักของร่างกายนั้น ประกอบไปด้วย มวลน้ำ มวลกระดูก มวลไขมัน และมวลกล้ามเนื้อ ทำให้บางคนแม้มีน้ำหนักตัวอยู่ในช่วงปกติ (BMI 18.5 - 24.9 กิโลกรัม/เมตร2) แต่เมื่อตรวจดูองค์ประกอบร่างกาย ด้วยวิธี Dual-energy X-ray absorptiometry (DXA or DEXA) พบว่าร่างกายมีปริมาณไขมันสะสมอยู่มากเกินไป หากผู้ชายมีมวลไขมันเกิน 28% และผู้หญิงเกิน 32% จะถูกจัดว่ามีภาวะอ้วน
- ต้นขา ต้นแขน และที่สำคัญคือบริเวณช่องท้อง (Visceral fat) ทำให้เส้นรอบเอวของเราขนาดใหญ่ขึ้น หรือที่เราเรียกว่าอ้วนลงพุง ซึ่งไขมันในช่องท้องนี้เองเป็นส่วนที่อันตรายที่สุดเพราะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases; NCDs) อีกมากมาย
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- “ฆาตกรเงียบ” เพราะเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง จำเป็นต้องทำการตรวจวัดความดันโลหิต หากปล่อยไว้ไม่ได้รักษาจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ การมีความเครียดสะสม การนอนหลับไม่เพียงพอ ภาวะโรคอ้วนและการรับประทานอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง
- (WHO) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน แต่ผลสำรวจล่าสุดปี 2564 โดยสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยและเครือข่ายลดบริโภคเค็ม พบว่า คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับเกลือ 1.8 ช้อนชา หรือน้ำปลาประมาณ 10 ช้อนชา เป็นผลมาจากการรับประทานอาหารนอกบ้าน อาหารแปรรูป และอาหารสำเร็จรูป ทำให้การควบคุมปริมาณโซเดียมเป็นไปได้ยาก หรือลักษณะของอาหารท้องถิ่นบางอย่างที่มีความเค็มมาก เช่น ส้มตำปูปลาร้าหนึ่งจาน มีโซเดียม 1,278 มิลลิกรัม ทำให้คนไทยบริโภคโซเดียมเกินคำแนะนำไปเกือบ 2 เท่า
- โรคไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia)
- 1 ใน 3 ของผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease) และโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อีกทั้งยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของความพิการ ในแต่ละปีมีผู้ป่วยจากโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่ 15 ล้านคน ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 5 ล้านคนและอีก 5 ล้านคนกลายเป็นคนพิการอย่างถาวร
- ไขมันอิ่มตัวสูง จำพวกของทอด ของมัน หนังสัตว์ ชีส เนื้อสัตว์แปรรูป อย่างไส้กรอก กุนเชียง เบคอน หมูยอ ซาลามี่ เป็นต้น ส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น รวมถึงการรับประทานข้าวแป้งที่ผ่านการขัดสี น้ำตาลทรายขาว (refined sugar) หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease; CVD) สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association) แนะนำให้บริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 11 -12 กรัมต่อวัน (5-6% ของความต้องการพลังงานเฉลี่ย 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน) และทดแทนด้วยการรับประทานไขมันไม่อิ่มตัว จำพวกน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง เป็นต้น
“อาหารเพื่อสุขภาพ” กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน ?
- โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง (Chronic respiratory disease)
- เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของโลก มีผู้คนเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่า 3 ล้านคน มีอาการไอ หายใจลำบาก มีเสมหะ ส่งผลให้เหนื่อยมากขึ้น ซึ่งสาเหตุของโรคนี้เกิดจากการสูบบุหรี่หรือสัมผัสควันบุหรี่มือสอง มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ หากป้องกันหรือลดการสัมผัสกับสารก่อโรคต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้
- คือ ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของเราถึง 20 เท่า จนสามารถทะลุถุงลมจนเข้าไปในกระแสเลือดได้ เข้าไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเรา ก่อก็ให้เกิดผลเสียมากมายมหาศาลกว่าที่เราคาดเดาได้
- การปล่อยฝุ่นควันของโรงงานอุตสาหกรรม ควันพิษจากรถยนต์และเครื่องจักรกล การเผาไร่นา การเผาขยะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ก่อเกิดมลภาวะทางอากาศทั้งสิ้น
สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ เริ่มจากการป้องกันไม่ให้มลภาวะเข้าสู้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากป้องกัน ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ เป็นต้น
"ไอเรื้อรัง" ควรพบแพทย์เพราะนั่นคือสัญญาณเตือน “มะเร็งปอด”
- กลุ่มโรคมะเร็ง (Cancer)
- 2020 จาก A Cancer Journal for Clinicians ผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วโลกมีจำนวน 19.3 ล้านคน และผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เป็นจำนวนเกือบ 10 ล้านคน และคาดว่าในปี 2040 จำนวนผู้ป่วยมะเร็งจะเพิ่มขึ้นถึง 28.4 ล้านคน หรือมากขึ้นถึง 47%
ประมาณ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ โรคอ้วนหรือการมีมวลไขมันมากเกินไป การบริโภคผักและผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกาย การนอนหลับไม่มีคุณภาพ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงเดียวกับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) แม้ว่าโรคมะเร็งจะมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งจากพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม สารเคมี หรือการติดเชื้อต่างๆ แต่การดูแลสุขภาพ ปรับพฤติกรรม ก็ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้
"มะเร็งปอด" เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย
มะเร็งปากมดลูก...โรคร้ายใกล้ตัวผู้หญิง รู้เร็ว โอกาสรอดชีวิตสูง
“ทั้งหมดในกลุ่มโรค NCDs เป็นกลุ่มโรคที่เราทำตัวให้ดี สามารถทำให้ป่วยช้าได้หรือไม่ป่วยได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อนที่เราจะเดินหน้าไปสู่การป่วยหรือการทานยา คือ ตอนนี้ยังไม่ป่วย เราควรดูแลร่างกายเราให้ดีที่สุด” เป็นคำพูดที่คุณหมอแอมป์ฝากเอาไว้ให้กับทุกคน อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตัวเอง เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยสุขภาพดี
นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้เห็นผลกระทบของกลุ่มโรค NCDs เด่นชัดมากขึ้น เมื่อองค์การอนามัยโลก หรือ WHO รายงานว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรค COVID-19 มากกว่าผู้มีสุขภาพแข็งแรง ดังนี้
- โรคความดันโลหิตสูง เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 2.3 เท่า
- โรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 2.9 เท่า
- โรคเบาหวาน เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 3 เท่า
- โรคหลอดเลือดสมอง เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 3.9 เท่า
- โรคอ้วน เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ 7 เท่า4
คุณหมอแอมป์ได้ฝากเคล็ด (ไม่) ลับของการมีสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งทุกแนวทางมีความสำคัญ ต้องทำควบคู่กันไป
1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ลดของหวาน มัน เค็ม และอย่าลืมรับประทานผักครึ่งหนึ่งของจาน
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน, ประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
4. หลีกเลี่ยงมลภาวะต่างๆ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่ออยู่นอกอาคาร
5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยควรนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม และนอนให้ได้ 8-9 ชั่วโมงทุกวัน
6. ผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด ฝึกฝนการนั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือทำกิจกรรมให้สมองสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน สมองได้พักผ่อน5
“คนที่ฉลาดที่สุดคือคนที่เห็นว่าสมบัติที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพ ไม่มีอะไรที่มีค่ามากที่สุด เท่าสุขภาพที่ดี ภาษาอังกฤษคือ Health Brings Wealth สุขภาพที่ดี นำมาซึ่งทุกอย่างแล้วแต่เราอยากได้” คุณหมอแอมป์ฝากทิ้งท้ายให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญของการดูแลตัวเอง
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก BDMS Wellness Clinic
BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ เพื่อมอบเป็นของขวัญสุขภาพแก่คนไทยทุกคน เพราะสุขภาพที่ดี คือของขวัญที่ดีที่สุด Live longer, Healthier and Happier
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ไลน์ @bdmswellnessclinic or https://lin.ee/rdIDv1A เว็บไซต์ www.bdmswellness.com
************************************************************
ตัวแทนประชาสัมพันธ์โดย บริษัท แมสคอท คอมมิวนิเคชั่น จำกัด โทร. 02-732-6069-70
อำไพพรรณ นภาสกุลคู (โอ่ง) 086-351-7729 และคุณ ปิยะเรศ สาตร์พันธุ์ (ปุย) 094-185-1735
อีเมล masscotcom1@hotmail.com และ mascotcom1@gmail.com
Reference
1. Derived based on the data from Global Health Estimates 2020: Deaths by Cause, Age, Sex, by Country and by Region, 2000-2019. Geneva, World Health Organization; 2020. Link: https:// www.who.int/data/gho/data/themes/mortality-and-global-health-estimates/ghe-leading-causes-of-death
2. Cause of death, by non-communicable diseases (% of total) [Internet]. Data World Bank. 2020 [cited 21 January 2022]. Available from: https://data.worldbank.org/indicator/SH.DTH.NCOM .ZS
3. กองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง.จำนวนและอัตราตายด้วย 5 โรคไม่ติดต่อ (NCD) ปี 2559 - 2563 [อินเทอร์เน็ต].นนทบุรี:กรมควบคุมโรค; 2565 [เข้าถึงเมื่อ 21 มกราคม 2565].เข้าถึงได้จาก:http://www.thaincd.com/ 2016/mission/documents-detail.php?id=14220&tid=32&gid=1-020
4. Group DPPR. Reduction in the incidence of type 2 diabetes with lifestyle intervention or metformin. New England journal of medicine. 2002;346(6):393-403.
5. World Health Organization and the United Nations Development Programme. โรคโควิด 19 และปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง [อินเทอร์เน็ต].World Health Organization; 2564 [เข้าถึงเมื่อ 21 มกราคม 2565].เข้าถึงได้จาก:https://cdn.who.int/media/docs/default-source/thailand/ncds/uniatf_ policy-brief_ncds-and-covid_final_th.pdf?sfvrsn=5c166f07_3
6. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือ : การดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง [Internet]. 1st ed. บริษัท อีโมชัั่น อาร์ต จำกัด; 2017 [cited 31 January 2022]. Available from: http://thaincd.com/document/file/info/non-communicable-disease/CBI_NCDs60.pdf
7. Sung H, Ferlay J, Siegel R, Laversanne M, Soerjomataram I, Jemal A et al. Global Cancer Statistics 2020: GLOBOCAN Estimates of Incidence and Mortality Worldwide for 36 Cancers in 185 Countries. CA: A Cancer Journal for Clinicians. 2021;71(3):209-249.
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline