ตร. ชี้ เพื่อน "แตงโม นิดา"หายเกลี้ยงหลังเกิดเหตุ
ตำรวจจำลองเหตุการณ์ "แตงโม" ตกเรือ
ประเด็นเรื่องการปัสสาวะที่ท้ายเรือของ ดาราสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ โดยขณะนี้เหลือแค่การรอตรวจพิสูจน์หลักฐานจากบนเรือ เนื่องจากชันสูตรพลิกศพแล้ว ไม่สามารถตรวจได้ว่า ในกระเพาะปัสสาวะมีปริมาณปัสสาวะอยู่มากนานแค่ไหนเนื่องจากร่างของแตงโม อยู่ในน้ำนานเกินไป ทำให้หูรูดกระเพาะเน่า ไม่สามารถตรวจข้อมูลเรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ ส่วนบาดแผลขนาดใหญ่ที่ต้นขาด้านในข้างซ้ายของแตงโม ตอนนี้ระบุได้เพียงว่าเกิดจากของมีคม
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากใบพัดเรือหรือไม่ ขณะที่แผลอื่นๆ พบว่า มีอีกหลายแผลที่บริเวณด้านในขาข้างซ้าย ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งจากการชันสูตรพบบาดแผลเพียงแค่ท่อนล่างดังกล่าว ส่วนร่องรอยอื่น ๆ เช่น รอยฟกช้ำที่บริเวณดวงตา ทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังการเสียชีวิต
สำหรับการตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุสิก ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เปิดเผยว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการนำส่งวัตถุพยานไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ คาดว่า 3-4 วัน น่าจะทราบผล ทั้งการตรวจสอบหาคราบปัสสาวะที่บริเวณท้ายเรือ ที่ชุดบอดี้สูท และแผ่นอนามัย (แคร์ฟรี) ที่แปะอยู่บนชุด รวมถึงการตรวจวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของระยะในการเอื้อมจับขาขณะนั่งปัสสาวะ ทั้งนี้ วัตถุพยานที่พบภายในเรือ ไม่มีสิ่งที่บ่งชี้ถึงเรื่องยาเสพติด
ขณะที่พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า แพทย์ลงความเห็นว่า แตงโม เสียชีวิตจากการจมน้ำ เนื่องจากพบโคลนในปอด และกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้ ยังเล่าย้อนพูดถึงการชี้จุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ที่ตำรวจพาแซนเพื่อนที่ไปนั่งเรือกับแตงโมไปร่วมชี้จุดที่ ในฐานะพยาน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ระบุว่า ข้อมูลอยู่ในสำนวนคดีแล้ว ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่หลังจากนี้จะต้องนำพยานอีก 4 คนที่เหลือ ไปร่วมจำลองเหตุการณ์ทีละคนจนครบ เพื่อวิเคราะห์ดูว่าจะสอดคล้องกันทั้ง 5 คนหรือไม่
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า มีการเรียกคนเห็นเหตุการณ์ 4 คน ซึ่งเป็นคนตกปลามาให้ข้อมูลแล้ว ยืนยันว่า เห็นเรือตอนเกิดเหตุ ขับมาวนตรงจุดที่พยานนั่งตกปลาอยู่ โดยขับมาแล้วลดความเร็วลง ก่อนจะหักวกกลับกะทันหัน สอดคล้องกับผลที่ได้จากเครื่องจีพีเอสในเรือ ซึ่งตอนนี้ได้ข้อมูลเส้นทางและความเร็วในการเดินทางทั้งหมดแล้ว พบว่าสอดคล้องกับที่พยานให้การ โดยจุดเกิดเหตุที่พบว่ามีการลดความเร็วลงและหักวกเรือกลับนั้น อยู่เลยจากสะพานพระราม 7 ไปทางนนทบุรี 800-900 เมตร โดยข้อมูลที่ได้ตอนนี้ ตำรวจยังไม่เชื่อข้อมูลของพยานบุคคลทั้งหมด แต่เมื่อรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่มี เชื่อว่าเพียงพอที่จะสอบสวนตามกระบวนการปกติโดยไม่ต้องเข้าเครื่องจับเท็จ