“แม่แตงโม นิดา” ยืนกรานไม่ให้อภัย "กระติก"
ตำรวจจำลองเหตุการณ์ "แตงโม" ตกเรือ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตมือปราบคดี "บอส อยู่วิทยา" กล่าวถึงชุดสืบสวนที่ทำคดีนี้ว่า ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ความเป็นธรรมต้องบังเกิดขึ้นกับครอบครัวผู้สูญเสีย
“ในฐานะที่ผมเป็นตำรวจมา อยู่สืบสวนมาชั่วชีวิตเนี่ย นะครับ ก็ฝากน้อง ๆ ตำรวจนะ ขอให้เอาเรื่องจริงมาให้ได้ อย่าไปเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นใคร คนผิดก็คือคนผิด ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เขาเสียหาย อย่าไปมองว่า ไหนๆ ก็ตายไปแล้ว ไม่ใช่ เราต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ถ้าเราคิดว่า เราเป็นตำรวจที่มีอุดมการณ์ของตำรวจ”
อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวต่อว่า ตนขับเรือในแม่น้ำเจ้าพระยามาหลายปี โดยนำเรือเอี้ยมจุ้นที่นำมาดัดแปลง ติดสปอตไลน์ส่องในเวลากลางคืน เพราะธรรมชาติของชาวบ้านริมแม่น้ำในเวลากลางคืน มักจะออกมาลงข่ายดักปลา หรือตกกุ้ง โดยจะมีตะเกียงเล็กส่องสว่าง หากสปีดโบ๊ทแล่นมาเร็วไม่ทันเห็นแว็บเดียวก็ชนแล้ว ถึงแม้บางจุดจะมีการติดไฟเตือนไว้สำหรับโค้งน้ำก็ต้องสังเกต ผู้ที่ขับเรือบางคนก็สักแต่ว่าขับ แล้วขับด้วยความเร็วซึ่งในเวลากลางคืนถือว่าอันตรายมาก จึงเป็นอุทาหรณ์ เพราะการขับเรือต้องรู้กฎกติกา มิเช่นนั้นก็อันตราย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังกล่าวคำแนะนำถึงชุดสืบสวนว่า ต้องไปเอาข้อมูลก่อนที่ร้านบ้านตานิต ร้านอาหารที่ดารามารับประทานข้าวกับเพื่อน ๆ ว่าเขาไปถึงกี่โมง ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รับประทานอะไรบ้างมีเครื่องดื่นแอลกอฮอล์หรือไม่ และรับประทานตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง แล้วออกจากร้านมากี่โมง วิ่งด้วยความเร็วเท่าไรมาถึงที่เกิดเหตุ ส่วนเรื่องการเข้าทำธุระในห้องน้ำนั้นมันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ที่ก่อนลงเรือทุกคนจะเข้าห้องน้ำก่อน ดังนั้น คำให้การว่าผู้เสียชีวิตไปปัสสาวะที่ท้ายเรือมันฟังไม่ได้ ถือว่าผิดข้อเท็จจริงไปหน่อย เพราะจากร้านอาหารเรือ วิ่งไปจนถึงจุดที่เกิดเหตุใช้เวลาไม่น่าจะถึง 1 ชั่วโมง และตามที่มีข่าวว่าผลชันสูตรเบื้องต้นออกมามีบาดแผลลึกที่ต้นขา ที่คาดว่าถูกของมีคม หากบาดแผลมีลักษณะเรียบเป็นทางยาว แล้วอ้างว่าโดนใบพัดเรือ หรือ โดนใบจักรหมุน บาดแผลจะเรียบเป็นทางยาวไม่ได้ จึงฝากให้พิจารณาให้ดี
นอกจากนี้ ประเด็นที่ชันสูตรพลิกศพพบว่าในปอดมีทรายและดิน คาดว่าจุดที่ตกเรือต้องไม่ใช่จุดที่น้ำลึก และไม่ถึง 5 เมตรแน่นอน เพราะเชื่อว่าจมลงน้ำจนไปถึงดินเลย เมื่อสูดหายใจเจอทรายเจอดินเข้าไปถึงปอด ก็เลยสิ้นใจ
“น้องที่เขาตกน้ำนี่ไม่มีโอกาสกลั้นหายใจก่อน สูดหายใจเข้าปอดก่อน อยู่ ๆ เขาก็ตกเลย แต่พอตก เขาจมลงไปในน้ำ เค้าคงไปเจอดินเลย จมลงน้ำอาจไปคว่ำหน้าเจอดินเลย ขณะที่ลมหายใจกลั้น มันสุดพอดี ก็ต้องหายใจเฮือกแล้วสูดเข้าไป พอสูดเข้าไปเจอทรายเจอดิน ถูกไหมฮะ เพราะฉะนั้น พอทรายดินมันเข้าไปในปอด ต้องสูดอย่างแรง ดิ้นรนน่ะ ถึงเข้าไปถึงปอดได้” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว
พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ยังฝากทิ้งท้ายจากประสบการณ์ และอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง นำเรื่องจริงมาพูดให้พี่น้องประชาชนรู้ อย่าไปคิดว่าคนมีเงินไม่ติดคุกไม่ได้ ถ้าตนเป็นคนขับเรือแล้วมีคนที่ไปด้วยตกเรือ ตนต้องอยู่เฝ้าการค้นหาจนเจอ แต่ไม่ใช่หลบไปตั้งหลัก แล้วค่อยกลับมาให้การกับเจ้าหน้าที่