จากคดีน้องก้อย สาววัย 32 ปี ที่เสียชีวิตปริศนา หลังไปปล่อยปลา กับ "แอม" ซึ่งเพิ่งถูกจับกุม กลายเป็นจุดเริ่มต้นทำให้มีครอบครัวของผู้เสียชีวิต ที่เชื่อว่าคนในครอบครัวอาจตกเป็นเหยื่อถูกวางยาในลักษณะเดียวกันออกมาเปิดข้อมูลนับสิบราย
นางสรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เพิ่งถูกตำรวจกองปราบปรามบุกจับกุมตัวไปไม่นาน หลังมีหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า นางแอม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ก้อย เท้าแชร์ชาวจังหวัดกาญจนบุรี
โดยสามารถจับกุมตัวได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 11:00 น. เมื่อวานนี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สโมสรตำรวจ ซึ่งจังหวะ ที่เธอถูกจับ เธอพยายามโทรหาทนายความ เพื่อที่จะขอคำแนะนำว่าเธอต้องดำเนินการอย่างไร
และ ก่อนที่ "แอม" จะถูกจับตัว ทีมข่าวโทรไปหา "แอม" เพื่อสอบถามข้อมูล เพราะ ตอนแรกยังไม่มีข่าวเรื่องการบุกจับกุม (เราโทรไปก่อนที่แอมจะถูกจับตัวราวครึ่งชั่วโมง) ปรากฎว่าตอนนั้นเจ้าตัว ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พร้อมบอกว่า จะเรียกร้องความเป็นธรรม ด้วยการไปศาล และ จะไม่ให้ข้อมูลกับสื่อ พร้อมบอกว่า ตัวเธอเองไปร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและศาลแล้ว
เมื่อมาถึงสโมสรตำรวจ แอมถูกคุมตัวเข้าตึกทางด้านข้างตึก จากนั้นตำรวจสอบปากคำหลายชั่วโมง ก่อนจะคุมตัว ส่งกองบังคับการปราบปราม เพื่อทำบันทึกการจับกุมและพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากรรม และจะนำตัวเข้าควบคุมไว้ที่กองปราบปรามก่อน เพื่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ (26 เม.ย.)
ระหว่างการควบคุมตัวสื่อมวลชนพยายามสอบถามผู้ก่อเหตุว่ากระทำผิดจริงหรือไม่ เจ้าตัวร้องไห้แต่ไม่ตอบคำถาม มีเพียงทนายความที่ตอบแทนว่าผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์ไม่ตอบคำถามและต่อสู้ทางกฎหมายเท่านั้น
สำหรับแนวทางการดำเนินคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจาก พ่อและแม่ของ น.ส.ก้อย มีการตรวจสอบและพบว่าเข้าข่ายความผิดจริง จึงขออนุมัติหมายศาล และเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุ
โดยมีหลักฐานว่าร่างของ น.ส.ก้อย ที่เสียชีวิต มีผ่าพิสูจน์ศพพบมีกลุ่มยาไซยาไนด์ในร่างกาย และพบขวดยาหลังบ้านพัก ตอนนี้นางแอม ยังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ไม่กังวล เป็นแค่ข้อมูลจากผู้ต้องหาเท่านั้น ส่วนเรื่อง ไซยาไนด์ เอามาจากที่ไหน ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ผู้ก่อเหตุ น่าจะต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย รวมถึง มีพฤติกรรมเลือกเหยื่อจากคนใกล้ชิด โดยเฉพาะในแวดวงตำรวจ โดยเหยื่อจะต้องเป็นคนมีเงิน
ส่วนจะเข้าข่ายเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องหรือไม่ ต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของ ผู้ต้องหาก่อน ส่วนคำถามว่า ผู้ต้องหาเข้าข่ายมีภาวะป่วยทางจิตหรือไม่ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
ส่วนข้อสงสัยว่า ผู้ต้องหา ก่อเหตุคนเดียวหรือมีคนช่วย โดยเฉพาะ การที่เธอมีอดีตสามีเป็นรองผู้กำกับสภ.บ้านโป่ง จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตอนนี้ยังพบเพียงนางแอมคนเดียว แต่จะมีการขยายผลเพิ่มเติมอีกครั้ง
ด้านทนายความของนางแอม อ้างว่า ได้ถามนางแอมแล้ว ยืนยันว่า ตอนที่ น.ส.ก้อยหมดสติล้มลง นางแอมเข้าไปช่วยแล้ว อย่างในภาพวงจรปิดที่เห็นนางแอม เดินๆหยุดๆ ทนายให้เหตุผลว่า เพราะ นางแอม ตั้งท้องอยู่ ทำให้เกิดไม่ค่อยสะดวก จึงพยายามตามคนมาช่วย
หลังเป็นข่าวดัง ทนายความย้ำว่านางแอมเครียด ความดันขึ้น ส่วนที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมออกมาพูด เพราะ ไม่อยากให้เกิดความเสื่อมเสีย และกลัวจะเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียชีวิต
ส่วนกรณีของรองผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง ที่ถูกระบุว่า เป็นสามีของนางแอม ทนายความ บอกว่า หย่ากันแล้ว ตั้งแต่ช่วงปี 2564 แต่ที่ยังไปมาหาสู่กัน เพราะ มีลูกที่ต้องดูแลด้วยกัน ทั้งนี้หลังหย่า นางแอมไปคบหากับ นายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้ ชาวอุดรธานี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
แต่ดูเหมือนว่า เรื่องจะไม่ได้จบแค่ น.ส.ก้อย เพราะก่อนหน้านี้ ที่เรารายงานไปว่า มี 6 ครอบครัว ส่งสัยการตายว่าจะเกี่ยวของกับ แอม ล่าสุด เมื่อวานนี้ มีรายงานคนเสียชีวิตต้องสงสัยเพิ่มรวมเป็น 8 คน
สำหรับ คนที่ยืนยันได้ และมีความใกล้ชิด กับแอมมากๆ คือ นายสุทธิศักดิ์ หรือ นายแด้ ซึ่ง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่น้องก้อย จะเสียชีวิตประมาณ 2 อาทิตย์ เท่านั้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับเพื่อนของนายแด้ ซึ่งเขาเชื่อว่า นายแด้ ก็ถูก ถูกฆาตกรรมลักษณะเดียวกับ “น้องก้อย”
เพื่อนนายแด้ ย้อนเล่าว่า นายแด้ เพิ่งจะรู้จัก และมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ แอม ซึ่งเป็นภรรยาของตำรวจนายหนึ่ง เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ยายของนายแด้ ขายที่ดินได้หลายแสนบาท นายแด้ จึงมีเงินทุนไปปล่อยเงินกู้ที่ จ.อุดรธานี โดยเขาได้บอกให้นางสาวแอมไปหาช่วงวันเกิดของเธอ ต่อมาเมื่อ แอมเดินทางไปถึงได้เพียง 2 วัน นายแด้ ก็เสียชีวิตอย่างปริศนา
เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต เล่าว่า แอม ให้ข้อมูลว่าวันเกิดเหตุ เธอออกไปทำบุญเนื่องในวันเกิด กับนายแด้ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ระหว่างทางนายแด้ เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน จึงกลับมาพักที่บ้านเช่า จนราว 13.30 น. เธอจึงพบว่า นายแด้ เป็นลมหมดสติและเสียชีวิต มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจเบื้องต้นในวันเดียวกัน แอม จัดการส่งศพของนายแด้ กลับมาบ้านเกิดจังหวัดราชบุรีด้วยรถกู้ภัยฯ ทันที จากนั้นหลังจัดงานวันเกิดของตัวเอง เธอจึงนั่งเครื่องบินตามกลับมา
ทันทีที่กลุ่มเพื่อนสนิทเห็นสภาพศพ ก็เริ่มมีการตั้งคำถามถึงสาเหตุการเสียชีวิต และอยากให้มีการส่งตรวจสารพิษ แต่ครอบครัวของนายแด้ กลัวว่าจะทำให้นางสาวแอม ซึ่งเป็นแฟนสาวที่กำลังตั้งท้องลูกของนายแด้เสียใจ เพราะวันเกิดเหตุทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง นอกจากนั้นยังได้ยกทองรูปพรรณของนายแด้ น้ำหนักกว่า 10 บาทให้กับนางสาวแอม เอาไว้ดูแลลูก
จากวันนั้น คนรอบตัวของนายแด้หลายคนยังคงติดใจสาเหตุการตาย แต่สุดท้ายก็ต้องเผาศพไปตามพิธี กระทั่งผ่านมาแค่เดือนกว่าๆ มีข่าวการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของน้องก้อย หลังไปปล่อยปลากับหญิงสาวคนเดียวกัน พวกเขาจึงตัดสินใจติดต่อให้ข้อมูลกับครอบครัวของน้องก้อย
จนสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขาอ้างว่าได้ย้อนไปค้นหาหลักฐานที่บ้านพักในอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งนายแด้เคยอยู่กับฝ่ายหญิง จึงพบเอกสารบันทึกประจำวัน ลงรายละเอียดการเสียชีวิตของนายแด้ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งข้อความส่วนหนึ่งระบุชื่อ แอม ในฐานะภรรยาร่วมเป็นพยาน และไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากนั้นยังพบขวดพลาสติกสีขาวลักษณะคล้ายขวดสารเคมี พิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษอ่านไซยาไนด์ ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในถุงดำ
ล่าสุด กรณีของ นายสุทธิศักดิ์ หรือ นายแด้ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ลงพื้นที่สอบสวนและค้นหาพยานหลักฐานทั้งในพื้นที่เกิดเหตุจังหวัดอุดรธานี และ บ้านของผู้เสียชีวิตในจังหวัดราชบุรี เบื้องต้นมีรายงานว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ส่งเอกสาร และขวดสารเคมีที่เชื่อเป็นสารพิษส่งตรวจพิสูจน์แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีบางกระแส บอกว่าตอนนี้ มีคนเสียชีวิตและเกี่ยวข้องกับแอมมากถึง 10 คน และ 1 ในนี้ มีคนรอด 1 คนด้วย ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อในวันนี้