ตร.เตรียมคุมตัว “แอม” ขออำนาจศาลฝากขัง ยันมีหลักฐานใช้ไซยาไนด์สังหาร

จากกรณี ตำรวจกองปราบปราม บุกไปจับกุมตัว “แอม” ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”  หลังมีหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ก้อย เท้าแชร์ชาวจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยภายหลังตำรวจมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม แต่ตลอดทั้งคืนผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การและไม่ยอมลงลายมือชื่อในคำให้การ

{related-boxh-195058 }

 

 

พันตำรวจเอกปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการกองบังคับการปราบปราม 5 ให้ข้อมูลว่าหลังนำตัว “แอม” มาคุมขังที่กองปราบปราม ช่วงกลางดึกพบว่าผู้ต้องหามีภาวะความเครียด ความดันสูงถึง 220 มิลลิเมตรปรอท นั่งดูอาการประมาณ 20 นาที แต่ไม่ดีขึ้น จึงเรียกรถโรงพยาบาลไปรับตัวและนอนดูอาการต่อที่โรงพยาบาลตำรวจจนถึงตี 4 เมื่ออาการดีขึ้นจึงรับตัวกลับมาที่กองปราบ เตรียมส่งฝากขังวันนี้

ด้าน พันตำรวจเอกอเนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานเป็นพยานบุคคลที่ “แอม” นำขวดไซยาไนด์ สารพิษที่ใช้สังหารเหยื่อ และประวัติการตายของสามีคนล่าสุดคือนายแด้ คนปล่อยเงินกู้ที่ จ.อุดรธานี นำใส่ถุงดำไปฝากพยานไว้และกำชับให้ฝังดิน แต่พอปรากฏเป็นข่าวพยานจึงเปิดดูและพบขวดยาไซยาไนด์จึงนำมามอบให้ตำรวจเป็นหลักฐานในการออกหมายจับ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานและพยานแวดล้อมอื่น ๆ เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับ “แอม” ได้

“แอม”เครียดหนัก หามส่ง รพ.กลางดึก หวั่นกระทบลูกในท้อง

เปิดข้อมูล 7 ศพ ตายปริศนาคล้าย "ก้อย" ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" เผยมี 10 ครอบครัวเชื่อมโยง "แอม"

"แอม" ยันไม่ได้ฆ่า "ก้อย" ชิงเงิน เร่งตรวจสอบที่มาไซยาไนด์

ตร.เตรียมคุมตัว “แอม” ขออำนาจศาลฝากขัง ยันมีหลักฐานใช้ไซยาไนด์สังหาร

ส่วนขั้นตอนการวางยา จากการสอบสวนตำรวจเชื่อว่า “แอม” น่าจะแอบผสมไซยาไนด์ในอาหารและน้ำดื่มให้นางสาวก้อยหลังจากแวะปั๊มน้ำมันและเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก และจากการสอบปากคำนางสรารัตน์เมื่อคืน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยอมรับแค่ว่าอยู่กับนางสาวก้อยผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้ายจริงและไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน โดยจะขอไปให้การในชั้นศาล ซึ่งการฝากขังวันนี้ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เนื่องจากตอนนี้มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่นางสรารัตน์เข้าไปพัวพันทั้งสิ้น อาจทำให้ผู้ต้องหาเรงกลัวความผิดแล้วและหลบหนี และอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

อย่างไรก็ตามในส่วนของกองปราบจะสอบสวนเฉพาะคดีนางสาวก้อย ที่แม่ผู้ตายมาแจ้งความไว้เท่านั้น ส่วนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอีกเกือบ 10 คดี พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นฝ่ายสืบสวนและกำกับดูแล โดยขั้นตอนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนท้องที่ที่เกิดเหตุจะต้องออกหมายจับนางสรารัตน์พร้อมทำหนังสือขออายัดตัวต่อศาลและเข้าไปสอบปากคำนางสรารัตน์ในเรือนจำหลังกองปราบนำตัวไปฝากขัง และจะไม่ขอนำตัวกลับมาสอบสวนเพิ่มอีกเพราะผู้ต้องหาไม่ขอให้การ