ต้องสร้างคนเก่งและคนดี เปิดใจ “โค้ชอ๊อต” ผู้พลิกประวัติศาสตร์วอลเล่ย์บอลไทย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ถือว่าเป็นผู้พลิกวงการกีฬาวอลเลย์บอลของไทย จนทำให้ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทยกลายเป็นทีมชั้นแนวหน้าของเอเชียและของโลก สำหรับ "โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร" อดีตโค้ชผู้สร้างประวัติศาสตร์วอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งนอกจากการฝึกลูกศิษย์ให้เก่งในเรื่องของฝีมือแล้ว กลับยังเน้นสอนให้เป็นคนดีควบคู่กัน จนทำให้นักกีฬาในทีมเข้าไปอยู่ในใจแฟนชาวไทยทั่วประเทศ

โค้ชอ๊อต บอกเล่าถึงชีวิตวัยเด็กก่อนก้าวสู่วงการวอลเลย์บอลว่า  ด้วยความเป็นเด็กผู้ชายทำให้เล่นกีฬาเป็นแทบทุกชนิด แต่ด้วยสังคม สิ่งแวดล้อม มีคุณพ่อเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ได้เห็นการเล่นของคุณพ่อมาตลอด เหมือนเป็นการซึมซับ อีกทั้งนักกีฬาของจังหวัดก็ล้วนติดทีมชาติหลายคน ทำให้เริ่มหันมาสนใจกีฬาวอลเล่ย์บอลด้วยความที่อยากเก่งเหมือนรุ่นพี่ อยากติดทีมชาติบ้าง

อิ่มใจ “ตุ้ม ผุสชา” ตั้งวงดนตรีจิตอาสาให้กำลังใจผู้ป่วยในโรงพยาบาล

สองนักแสดงชวนดู “กลับไปสู่วันฝัน” มาราธอน แบบเต็มอิ่มรับปีใหม่

"ตอนนั้นอายุ 15 ปี ฝึกหนักอยู่ 2 ปี อายุ 17 ปีก็ติดทีมชาติไทย ซึ่งถือว่าเด็กมาก เพราะพ่อให้ฝึกหนักเลย เรียกว่าเป็นโค้ชคนแรก ให้ตื่นตี 5 วิ่ง 10 กิโลเมตรในค่ายทหารที่โคราชทุกวัน และซ้อมวอลเลย์บอลทุกวันๆ ละ 5-6 ชั่วโมง แล้วตอนมาคัดตัว พี่ๆ ที่เขาเป็นทีมชาติอยู่ก่อน เขาเป็นทหารอากาศ เราก็มาพักกับพี่เขา พี่เขาก็ให้ฝึกหนักมาก เนื่องจากตอนทดสอบเป็นทีมชาติสมัยนั้นคือจะมีทั้งภาคร่างกายที่ต้องแข็งแรง ทำให้ต้องทั้งวิ่ง เล่นเวท ให้มีความพร้อมมากที่สุด และภาคทักษะ กรรมการจะดูการรับ การเสิร์ฟ การตบ สกัดกั้น และเทคนิคการเล่นเป็นทีมว่ามีมากน้อยเพียงใด"

ส่วนถามว่าจากนั้นเริ่มมาเป็นโค้ชได้อย่างไร โค้ชอ๊อต บอกว่า ไม่ได้ตั้งใจเป็นโค้ช แต่ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประมาณปี 2 รุ่นพี่ขอให้มาช่วยซ้อมให้ทีมที่มหาวิทยาลัยเพราะเป็นทีมชาติแล้ว ช่วงแรกก็ทำไม่เป็นเอาโปรแกรมที่ตัวเองโดนฝึกมาไปสอน จนขึ้นปี 3 ด้วยความที่เรียนพละศึกษา ทำให้ได้เรียนทางด้านโค้ชชิ่ง เรียนวิชาการมากขึ้น เกิดความสงสัยสร้างกล้ามเนื้ออย่างไร อยากเรียนรู้และอยากมาเป็นโค้ช

"สมัยนั้นเป็นโค้ชในมหาวิทยาลัยทำทีมชายตลอด คลุกคลีกับการทำทีมชายอยู่ 8 ปี แต่ด้วยความที่เรียนพละศึกษา ก่อนจะจบต้องไปเป็นครูฝึกสอน และผมได้ไปครูฝึกสอนที่โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน ผมอยู่ที่นั่น 5 ปี คลุกคลีกับเด็กๆ สร้างเด็กนักเรียนชายให้เป็นทีมชาติหลายคน จากนั้นก็อยู่กับน้องๆ ทีมทหารอากาศก็ติดทีมชาติกันยกทีม คือผมค่อนข้างโชคดีได้ลูกศิษย์ดี เพื่อนร่วมงานดี ผู้บริหารดี ไปที่ไหนทุกคนก็ตั้งใจสนับสนุน"

สิ่งที่สำคัญในการเน้นย้ำนักกีฬา โค้ชอ๊อต บอกว่า นักกีฬาต้องมีระเบียบวินัย พัฒนาการฝึกซ้อมให้มีคุณภาพร่างกายที่ดีเยี่ยม คุณภาพทางจิต เทคนิค แทคติก ทั้ง 4 ด้านต้องฝึกและสอน อีกทั้งไม่ได้สอนแค่ให้เขาเป็นคนเก่ง แต่ต้องเป็นคนดีด้วย เขาจะได้สร้างแรงจูงใจให้กับน้องๆ ต่อไป

"ประเทศไทยโชคดี ยังมีโอกาสเล่นกีฬา ผู้ปกครองสนับสนุนมากขึ้น ผมมองถึงกีฬาประเภทอื่นด้วย ไม่ได้มองแค่ลวอลเลย์ ผู้ปกครองมองว่ากีฬาให้ความสุข ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสปิริต มีระเบียบวินัย ซึ่งการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จไม่ใช่ได้แค่กีฬา แต่ยังได้นำไปใช้ทั้งในเรื่องการเรียน การไปทำงาน กีฬาจะสอนให้เขาพัฒนาในตรงนั้นได้ด้วย ถ้าได้แบบอย่างที่ดี จะทำให้เขามีคุณธรรม รู้จักเผื่อแผ่อีกด้วย"

เมื่อถามว่ามีเคล็ดลับอย่างไรถึงทำให้วอลเลย์บอลทีมชาติไทยประสบความสำเร็จได้การยอมรับจากแฟนๆ จนโด่งดัง โค้ชอ๊อต ตอบว่า ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว ต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสมาคมที่ดีให้โอกาสทำงานระยะยาว เพื่อนร่วมงานที่ดีสตาฟโค้ชทุกคนจิตใจดี พร้อมเสียสละ ตั้งใจช่วยทำให้นักกีฬาเก่ง ลูกศิษย์ที่ดี ตั้งใจฝึกซ้อม พยายามทำเต็มที่ รวมถึงสปอนเซอร์ หากไม่มีผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนคงทำงานต่อเนื่องไม่ได้ ที่สำคัญแฟนๆ ที่มาเชียร์ให้กำลังใจ ทั้งในสนามและติดตามดูการถ่ายทอด ทำให้นักกีฬา สตาฟโค้ช ผู้บริหารต่างมีกำลังใจทำเพื่อให้ถึงฝัน

นอกจากการเป็นโค้ชให้กับทีมชาติไทยแล้ว โค้ชอ๊อตยังได้มีโอกาสรับเชิญไปคุมทีมให้กับหลายๆ ประเทศ เจ้าตัวบอกว่า เป็นการทำงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเรื่องภาษา อากาศ อาหารการกิน ต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยประเทศที่ทำทีมยากสุด นั่นคือ จีน เนื่องจากทีมของแต่ละสโมสรล้วนมีฝีมือพอๆกัน คาดเดาได้ยากว่าใครจะคว้าแชมป์ ในขณะที่สภาวะอากาศยากมาก การเดินทางไปแข่งบางเมืองก็ถึงกับติดลบ เรื่องภาษาก็จำเป็นต้องมีล่าม ไม่ง่าย ซึ่งล่าสุดได้มีโอกาสคุมทีมให้กับสโมสรปักกิ่ง และลูกศิษย์ก็สามารถติดทีมชาติไปได้หลายคน

หันมาถามถึงชีวิตส่วนตัว หลังจากที่โค้ชอ๊อต ตัดสินใจวางมือจากการเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย เพื่อให้เวลากับภรรยา "เฝิง คุน" อดีตมือเซ็ตทีมชาติวอลเลย์บอลของจีนที่เคยถูกจัดอันดับให้เป็นมือเซ็ตมือหนึ่งของโลก

"ก่อนหน้านี้กับภรรยาเรารู้จักกันนานแล้ว ผมเป็นโค้ช เขาเป็นนักกีฬาจีน เขามาแข่งกับทีมเรา เจอกันทุกปี ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร แต่เจอกันบ่อยๆ เริ่มจะรู้ว่าหลังๆ เขาก็สนใจเราเหมือนกัน มีคนมาบอก ทำให้เริ่มศึกษากัน ซึ่งก็ยากอยู่แม่ยายไม่ค่อยอมรับ เขาคงอยากให้ลูกได้คนจีนด้วยกัน แต่ดันมาเราเจอตัวดำ พูดภาษาก็ไม่เหมือนเขา สุดท้ายท่านก็เคารพการตัดสินใจของลูก ดีมากกับเรา คบกัน 6-7 ปีถึงได้แต่งงาน"

ระหว่างที่คบหากัน โค้ชอ๊อต บอกว่า ด้วยความที่อยู่คนละประเทศต่างคนก็ต่างมีภาระหน้าที่สำคัญ เขาต้องฝึกซ้อมทีมชาติไทย สัปดาห์ละ 6 วัน เป็นแบบนี้ 10 กว่าปี เวลาวันหยุดก็จะบินไปหาภรรยาที่จีน แค่วันเดียวแล้วก็บินกลับมาทำงานต่อ เป็นแบบนี้อยู่ 3-4 ปี เพื่อแสดงความจริงใจให้ พ่อแม่เขาก็เห็น และยังแสดงความมั่นคงด้วยกันปฏิญาณไม่กินเนื้อสัตว์จนกว่าจะแต่งงาน

โค้ชอ๊อต ยังเผยด้วยว่า หลังแต่งงานมา 3 ปี ตอนนี้ก็มีลูกชายวัย 1 ขวบมาเป็นโซ่ทองคล้องใจให้แน่นขึ้น โดยตั้งชื่อไทยว่า น้องช้าง และชื่อจีนว่า เจียไป่ลุ่ย แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งตนก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรกับลูกมาก แค่อยากให้อยู่เมืองไทย ด้วยความที่ภรรยามีภาระหน้าที่ต้องทำให้กับสมาคมวอลเลย์บอลจีน จึง อยากให้พักและมาอยู่ไทยจะได้พัก และสนับสนุนให้เป็นโค้ชที่ไทยด้วย

"การเป็นโค้ชนักกีฬาแม้จะเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่เขา แต่เขารักอย่างไร เราก็ต้องรักและเข้าใจเขา สอนด้วยคุณธรรมให้เขาเก่งตามความฝันและเป็นคนดีด้วย ส่วนลูกชายตอนนี้ยังเล็ก ก็ให้ปัจจัยสี่ให้ครบ เขายังไม่รู้เรื่องอะไร อนาคตเปิดโอกาสให้เขาเต็มที่ ไม่ปิดกั้น ไม่วางแผนอะไรเลย เราแค่ดูว่าเขาชอบอะไรและสนับสนุนให้โอกาสเขา"

และถึงแม่จะภรรยาเป็นโค้ชทีมชาติจีน แต่โค้ชอ๊อต บอกว่า ที่ผ่านมาแม้จะเคยพบเป็นทีมคู่แข่งกันในสนาม แต่ก็ไม่เคยเผยแผนการเล่นให้กันและกันรู้เลย เป็นเรื่องของจิตใจ การแข่งขันต้องชนะกันด้วยเกมส์กีฬา

สุดท้าย โค้ชอ๊อต ยังกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยมาโดยตลอด ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่เตรียมตัวกันอย่างหนักเพื่อความพร้อมในการคัดทีมที่จะได้ไปโอลิมปิกในวันที่ 7-12 มกราคมปีหน้า(2563) ซึ่งโอลิมปิกถือเป็นรายการเดียวที่ไทยยังไม่เคยได้ก้าวเข้าไป

“บางกอก City เลขที่ 36” จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.15 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36 รับชมย้อนหลังทาง http://pptv36.tv/rkG และ  https://tv.line.me/bangkokcity36

“ยายชา” โต้ยังไม่ตาย!! เปิดชีวิตคบเมียเด็กกว่า 20 ปี

TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ