1. คุณติดโทรศัพท์ขั้นสุด ทุ่มเทความสนใจตลอดเวลาและไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัวเลย
ถึงคุณจะเป็นคนส่วนใหญ่ตามผลสำรวจว่าที่ว่าผู้คนสมัยนี้ถึง 60% ติดการใช้สมาร์ทโฟน แต่นั่นไม่ใช่ข่าวดีนักเพราะคุณแนวโน้มจะเป็น 'nomophobia' คือติดโทรศัพท์และอาจอาการหนักถึงขั้นกลัวการไม่มีโทรศัพท์ อาจมีปัญหากับสมาธิที่สั้นลงเรื่อยๆ และจดจ่อกับเรื่องที่จำเป็นไม่ได้
ลองแบบนี้สิ
- วางโทรศัพท์ลงเมื่อมีเพื่อนหรือครอบครัวนั่งอยู่ด้วย
- พยายามอย่าเล่นโทรศัพท์ในระหว่างมื้ออาหาร
- ลองบังคับตัวเองให้หยุดเล่น หลังจากใช้เวลากับโทรศัพท์ไปสัก 20 นาที
- ไม่แตะโทรศัพท์เลยหลังห้าทุ่ม
2. คุณเก็บเงินที่เป็นรายได้ทั้งหมดไว้ในบัญชีที่คุณเอามาใช้ได้ตลอดเวลา
ข้อนี้อาจจะดูไม่แปลกอะไร แต่การเอาเงินที่หามาได้ทั้งหมดใส่ไว้ในบัญชีที่คุณเอามาใช้ได้ทุกเมื่อนั้นหมายถึงคุณวางเงินทั้งหมดไว้เป็นเงินที่ใช้ได้ ซึ่งมันจะจบลงด้วยการที่คุณไม่มีเงินเก็บสำรองไว้เลย !
ลองแบบนี้สิ
- เปิดบัญชีสำหรับฝากเงินไว้สักบัญชี ฝากทีละน้อยก็ได้
- แต่จงเคร่งครัดในการฝาก และอย่านำออกมาใช้ง่ายๆ
- เลือกธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยดี เป็นแรงจูงใจในการออม
3. ขุ่นเคืองตลอดเวลา
ความเจ้าคิดเจ้าแค้นมันดูสนุกแค่ตอนเห็นนางร้ายในละครเป็นเท่านั้นล่ะ แต่ในชีวิตจริงการที่คุณกำความโกรธไว้กับตัวโดยไม่ปล่อยวางเลยจะส่งผลเสียอย่างมากต่อจิตใจในระยะยาว ปล่อยวางซะเพื่อให้หัวใจคุณมีที่ว่างสำหรับคิดสิ่งที่เป็นประโยชน์
ลองแบบนี้สิ
- บอกตัวเองให้พยายามให้อภัยคนที่ทำให้โกรธในใจทุกวัน
- คิดเรื่องอื่นไปเลย การไม่ทบทวนเรื่องที่อารมณ์เสียบ่อยๆ อาจจะทำให้กลายเป็นคนไม่คิดมากไปเลยก็ได้
4. ปาร์ตี้เป็นอาชีพ
การเที่ยวเตร่เป็นการใช้อิสระที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่ขอให้ขีดเส้นใต้คำว่าเป็นอาชีพด้วย เพราะการปาร์ตี้เป็นอาชีพไม่ได้ ! และการเที่ยวทุกคืนมีผลลัพธ์สองอย่างที่เห็นชัดๆคือ คุณหมดเงินเร็วขึ้นและร่างกายแย่ลงเร็วกว่าที่ควร
ลองแบบนี้สิ
- ค่อยๆตัดทอนลงด้วยการลงปฏิทินไว้เลยว่าจะเที่ยวแค่วันนี้ของสัปดาห์เท่านั้น และทำให้ได้
- หากิจกรรมอย่างอื่นที่ชอบและทำได้ในบ้าน อาจเป็นงานอดิเรกที่ทำให้คุณต้องทำเป็นประจำจนไม่สบายใจที่จะทิ้งมันเพื่อออกไปเที่ยว
5. ซื้ออาหารมารับประทานมากกว่าทำรับประทานเอง
นี่ก็ปกติอีกเหมือนกัน แต่ถ้าคุณต้องดูแลน้องสาวน้องชาย ลูกๆ หรือหลานๆในอนาคตคุณอยากให้พวกเขาต้องซื้ออาหารมารับประทานเอง เพราะคุณทำให้ไม่ได้หรือเปล่าล่ะ การทำอาหารกินเองนั้น นอกจากจะประหยัดแล้วยังดีต่อร่างกายด้วยนะ
ลองแบบนี้สิ
- อย่าถึงขั้นต้องไปลงเรียนทำอาหาร (แต่ถ้าทำได้ก็ดี)คุณอาจจะหัดทำอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารและทำเองได้ไว้บ้าง
- ลองทำทานเองในมื้อที่เวลา ค่อยๆทำไปก็จะอยากทำเมนูที่ยากขึ้นและทำเป็นเอง
6. คุณสนใจว่าคนอื่นจะมองคุณอย่างไรมากเกินไป
นั่นแปลว่าคุณห่วงในสิ่งที่คนอื่นคิดมากกว่าจิตใจของตัวเอง เราจำเป็นต้องแคร์คนรอบข้างก็จริงแต่ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้ ถ้ามีใครขัดใจกับสิ่งที่คุณเป็นแต่คุณพอใจกับมันก็อาจจะต้องปล่อยวางบ้าง
ลองแบบนี้สิ
- ถ้ามั่นใจว่ามันถูกก็ทำไปเลย คนรอบข้างจะพูดอะไรก็ได้ แต่คนตัดสินใจแลละรับผิดชอบกับการตัดสินใจคือคุณเท่านั้น
7.คุณคิดว่าปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจเป็นเรื่องน่าอายและเป็นความอ่อนแอ
ถ้าคุณประสบอุบัติเหตุแขนหัก คุณจะปฏิเสธการไปหาหมอและคิดว่ามันน่าอายหรือเปล่าล่ะ ปัญหาสุขภาพจิตก็เช่นกัน มันถือเป็นความเจ็บป่วยที่ต้องรักษาและไม่ใช่ความอ่อนแอสักหน่อย
ลองแบบนี้สิ
- ถ้ารู้สึกว่าเครียดเกินไป และเศร้าลงทุกวันๆควรพบจิตแพทย์เลยเพื่อให้แน่ใจว่าเกิดจากความเหนื่อยล้า และหากป่วยทางจิตขึ้นมาจริงๆก็ยิ่งดี คุณจะหายขาดเพราะรู้ตัวเร็ว
8. คุณเกลียดแสงแดด
เข้าใจว่าความขาวเป็นความงามทางอุดมคติ แต่หากคุณเลี่ยงที่เจอแดดมากๆเข้า อาจจะพบกับปัญหาที่ใหญ่กว่าในระยะยาว คือมะเร็งผิวหนังเพราะผิวคุณไม่มีภูมิต้านทานกับยูวีเลย
ลองแบบนี้สิ
- หาเวลาออกไปเจอแสงแดดบ้าง ถ้าแดดยังอ่อนก็ให้เวลากับมัน ถ้าร้อนก็อาจจะแวบเดียวแต่ตองสัมผัสแดดบ้าวง
- อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เป็นนิสัยด้วย
9. คุณไม่รักษาความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว
คุณอาจจะไม่กังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเขาเพราะเจอกันบ่อยและเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว แต่ที่ถูกต้องคือคุณควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาด้วยเหตุผลเดียวกันต่างหาก เพราะสุดท้ายจะมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเมื่อคุณมีปัญหาและสู้คนเดียวไม่ไหว
ลองแบบนี้สิ
- ถ้าอยู่บ้านเดียวกัน พยายามหาเวลาอยู่กับครอบครัว อาจจะเป็นการรับประทานอาหารหรือดูทีวี
- ถ้าอยู่ไกล พยายามคุยกับคนในบ้านให้บ่อย ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล
- กับคนในบ้าน ขอโทษ ให้อภัยให้มาก และโกรธให้น้อย
10. คุณจมปลักอยู่กับความสัมพันธ์แย่ๆเป็นเวลานานทั้งที่รู้ตัว
แค่คบกับใครแล้วคุณรู้สึกแย่กับตัวเองแบบไม่มีทางออก นั่นก็ถือเป็นความสัมพันธ์ที่แย่แล้ว และนอกจากมันจะทำให้คุณเครียด สิ่งที่แย่กว่าคือ มันจะทำให้คุณเสียโอกาสที่จะทำเพื่อตัวเองหรือเจอคนดีๆ
ลองแบบนี้สิ
- คิดถึงตัวเองและครอบครัวมากๆ ถ้าไม่มีพื้นที่สำหรับเขาในอนาคต ก็ค่อยๆกันเขาไปจากชีวิตคุณได้แล้ว
- แยกแยะระหว่างความรักกับความเหงาให้ออก อย่าอยู่กับใครบางคนแค่เพราะกลัวการไม่มีใคร
ค่อยๆเก็บไปคิดแล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เข้าที่เข้าทางซะ วัย 30 ที่สดใสรอพวกคุณอยู่
เครดิต : BUZZFEED