แนะ 8 วิธีในการดูแลจัดการ "ความเครียด" ให้อยู่หมัด

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ความเครียดส่งผลเสียในหลายด้านของชีวิต หากมีวิธีที่จะจัดการให้ความเครียดให้กระทบกับชีวิตน้อยที่สุดก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

“ความเครียด” มีที่มาได้จาก 2 ปัจจัยหลัก คือปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งมักจะส่งผลต่อทางร่างกายอย่างเช่น อาการเหนื่อยล้า, รูปแบบการนอนเปลี่ยนไปโดยไม่มีสาเหตุ, การย่อยอาหารมีปัญหา, ปวดหัว และหัวใจเต้นเร็ว หรือไม่เป็นจังหวะ

ส่วนอาการที่แสดงออกทางจิตใจอย่างเช่น ไม่สามารถที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้ดี, ขี้หลงขี้ลืม และอาจมีอาการของโรคแพนิค และเมื่อเกิดผลกระทบเรื่อยมาโดยไม่รับการแก้ไขในระยะยาวกลายเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเครียด และส่งผลต่ออารมณ์ที่ก่อความรู้สึกหดหู่ หรือโมโหง่าย เป็นต้น

เปิด ‘ 3 อันดับ’ ปัญหาสุขภาพจิต  “วัยรุ่นไทย” พบเครียดสูงสุด!
จิตแพทย์แนะวิธีลด “อุณหภูมิใจ” รับหน้าร้อน

จะดีกว่าหากเราพอรู้ถึงต้นตอของสาเหตุที่ทำให้เราเครียด และจัดการดูแลผ่าน 8 วิธีช่วยลดความเครียดได้ ดังนี้

1. คิดลบให้น้อยลง
มีบ่อยครั้งที่เรานึกถึงผลลัพธ์อันไม่น่าอภิรมย์ ในสถานการณ์ต่าง ๆ และมีกี่ครั้งที่ออกมาไม่ดีจริงอย่างที่เราคิด? ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกจากธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะนึกถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีก่อนเสมอมากบ้าง น้อยบ้างตามแต่ละบุคคล

ความยากที่จะนึกถึงความคิดลบให้น้อยจึงมีระดับที่แตกต่างกันไป ลองเริ่มจากเรื่องเล็กน้อยก่อน ให้ความคิดลบของเราค่อย ๆ จางไปทีละเรื่อง แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะลดความระมัดระวัง หรือคิดให้รอบคอบลง เพียงแต่ความรู้สึกต่อสถานการณ์ที่เราคาดหวังจะไม่ดูแย่อย่างที่คิด ซึ่งมีข้อแตกต่างกันในรายละเอียด และมุมมอง

2. เขียนไดอารี่ หรือจดบันทึก
เป็นเรื่องดีที่หากเราได้แบ่งปัน หรือระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แน่นอนว่าเราไม่อาจที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้เสมอ หรือรู้สึกสบายใจที่จะเล่าให้ใครฟัง

การเขียนไดอารี หรือจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราระบายได้ในระดับนึง ยังช่วยให้เราทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ และความรู้สึกของเราที่มีต่อเหตุการณ์นั้นเพื่อหาทางจัดการต่อไป

3. Mindful Breathing
จะมีความคล้ายคลึงกับการนั่งสมาธิในแบบพุทธบ้านเรา แต่มีตัวช่วยเพิ่มได้อย่างการเปิดเพลงเบา ๆ ช่วยคลอให้เรารู้สึกสบายขึ้น หรือมีเครื่องหอมที่ช่วยให้เรารู้สึกดี

เริ่มจากการค่อย ๆ หายใจเข้าให้เต็มปอดและรู้สึกถึงท้องน้อย นับ 1 ถึง 5 ผ่านจมูก กลั้นลมหายใจไว้ประมาณ 2 วินาที จากน้อยค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกนับ 1 ถึง 5 และสามารถทำได้เรื่อย ๆ จนเรารู้สึกดีขึ้น

4. ความทรงจำที่ดีมีประโยชน์
หากวันไหนเราผ่านวันอันไม่น่าอภิรมย์ต่อความรู้สึกของเราเท่าไหร่ ลองนึกถึงวันดี ๆ อย่างการได้นั่งกินลมชมวิวทะเลย ปล่อยความรู้สึกไปกับเสียงคลื่นคลอเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันด้วยแรงลม

ผู้ปกครอง รร.ตำรวจ เดือด ติดต่อลูกไม่ได้

อย่าลืมหาเวลาเก็บเกี่ยวความทรงจำดีดี ที่ช่วยหล่อเลี้ยง และรักษาความรู้สึกในวันที่เราแย่ก็ช่วยบรรเทาความเครียดได้เช่นกัน

“พัคชินฮเย – ชเวแทจุน” เตรียมวิวาห์ปีหน้า เผยข่าวดีตั้งครรภ์ลูกคนแรก

5. ออกกำลังกายเป็นประจำ
สุขภาพกายที่ดี ส่งผลต่อสุขภาพใจด้วยเช่นกัน การมีร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยก็เป็นการลดเรื่องเครียดลงไปได้ 1 เรื่องเลยทีเดียว หากไม่มีเวลาจริง ๆ แค่เพียงวันละ 7 ถึง 15 นาทีก็เพียงพอ

6. เข้าร้านนวด
อาจจะลองให้เวลากับตัวเองเดือนละครั้ง หรือตามแต่ช่วงเวลาที่สะดวกนวดอโรมาซัก 1 คอร์สก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากการทำงานอย่างยาวนาน พร้อมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยผ่อนคลายความเครียดได้ดีทีเดียว

7. รับพลังบวก
หาเวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่มีทัศนคติเชิงบวก เพราะการได้ใช้เวลากับคนเหล่านี้ส่งผลต่อความคิด และความรู้สึกของเราได้ ซึ่งคนที่มีทัศนคติบวกไม่ใช่คนที่พูดจาดีสุภาพเสมอไป แต่ให้ลองสังเกตจากแนวทางที่เขาใช้ในการแก้ปัญหา หรือมองเหตุการณ์นั้น ๆ

เราไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับคนที่คิดลบเสมอ เพียงแต่หาจุดสมดุลของการใช้เวลาร่วมกัน การได้เห็นทัศนคติที่หลากหลายช่วยให้เราได้มองเห็นมุมมองที่แตกต่าง

8. นอนหลับให้เพียงพอ
แต่ละคนต่างมีระยะเวลาของการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอต่างกันบ้างเล็กน้อย พยายามค้นหาระยะ และช่วงเวลาที่เรานอนหลับได้ดีที่สุด และหากวันไหนนอนไม่พอ ลองหาเวลาแอบงีบก็ช่วยให้สดชื่นได้เช่นกัน

แนะ 3 ชนิดกีฬาสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ไว้ออกกำลังกายและควรทำอย่างไม่หักโหม

อย่างไรก็ดีหากเรารู้สึกเอ่อล้นในความรู้สึก และต้องการความช่วยเหลือ ควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต เพื่อหาแนวทางการดูแล และรักษาต่อไป

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ