LIFE STORY : แป้ง ณัฐนันท์ รุ่นใหม่ ไฟแรง เดินออกจากเซฟโซนเพื่อวัดฝีมือตัวเอง

มีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจเดินออกมาพิสูจน์ตัวเองจากปีกเงาของครอบครัว หนึ่งในนั้นคือ แป้ง ณัฐนันท์ ประสงค์ชัยกุล ทายาทคนเดียว ของ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) ที่ตัดสินใจเดินไปบอกแม่ ผู้ซึ่งวาดหวังให้แป้งรับช่วงต่อธุรกิจ เธอทำมันได้ ทำได้อยางเต็มที่ และสนุกกับมันในช่วงแรก

LIFE STORY : “ธนานันต์ เถ้าแก่ยุคเจนวาย” ทะเลาะกับพ่อเพื่อการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในรุ่น 2

LIFE STORY : “ครูเป้า” ครูแนะแนวผมยาว “ขวัญใจวัยรุ่น”

แต่ในช่วงจังหวะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ส่วนงานที่ต้องรับผิดชอบน้อยลง แป้งทบทวนตัวเองและมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่มาเติมความฝันและความภูมิใจของเธอได้

สุดท้ายในวันที่ยังมีโอกาสที่จะเดินตามฝันตัวเอง เธอจึงตัดสินใจเดินไปขอ “ลาออก” จากบริษัทของแม่และเลือกที่จะเติบโตบนเส้นทางของตัวเอง

วันที่เราเดินไปบอกแม่คิดเยอะมาก คิดว่าเราควรจะต้องทำอะไรสักอย่างไหมกับชีวิตเราตอนนั้น ก็เลยคุยกับแม่ คิดหลายเดือน ก่อนจะกล้าไปคุยกับเขา ซึ่งจริงๆ แม่น่าจะทราบอยู่แล้วว่าเราไม่ได้มีความสุขที่สุดในการช่วยแม่ แต่แม่ก็ถามว่าจะทำอะไร ซึ่งก็ตอบแม่ไปตรงๆ ว่าแป้งยังไม่รู้ แต่แม่ก็อวยพรขอให้แป้งเจอในสิ่งที่แป้งรักจริงๆ ให้เร็ว

ค้นหาตัวเองจาก “ตัวเอง” จนเกิดเป็นธุรกิจเล็กๆ ภายใต้แบรนด์ Poliful
เพราะความชอบเที่ยว ชอบทำกิจกรรม ชอบออกกำลังกาย ชอบดำน้ำ เคลื่อนไหวตัวเองอยู่ตลอดเวลา การจุด Passion ของเธอจึงมาจากความเป็นตัวเองทั้งหมด การทำแบรนด์เสื้อผ้า ชุดออกกำลังกาย จึงเป็นตัวเลือกของการสร้างแบรนด์ แต่คู่แข่งในตลาดก็ไม่ใช่น้อย Poliful จึงกลายเป็น Active Wear ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งสีสัน ดีไซน์ และการใช้งาน

สิ่งแรกที่คิด คือ อยากทำชุดออกกำลังกาย เพราะช่วงโควิด-19 ออกกำลังกายทุกวัน แล้วมีกางเกงออกกำลังกายตัวหนึ่งชอบมาก คือ ซักเสร็จปุ๊บใส่ เลยคิดว่าถ้าชอบขนาดนี้ลองทำเลยไหม และคิดว่าคนทำเยอะมาก แบรนด์คนไทยเยอะมาก เลยไม่อยากสู้กับเขา ในขณะเดียวกันก็ชอบดำน้ำ ก็เลยคิดว่าทำไมชุดดำน้ำต้องเป็นสีมืดๆ ทำไมชุดดำน้ำเป็นสีสันสดใสไม่ได้ เลยลองทำแบบเป็น Active Wear  ที่ สามารถใช้ในการเล่นกีฬาทางน้ำได้ทุกอย่าง

ไม่เสียดายที่ลาออกจากบริษัทแม่ แต่เสียดายที่ทำไมไม่ตัดสินใจให้เร็วกว่านี้

ตลอด 1 ปี ที่เธอออกมายืนด้วยตัวเอง ถามว่าเสียดายหรือไม่ คำตอบของเธอคือ

ไม่มีจังหวะว่าอยากกลับไปหรือเสียดาย แต่มีจังหวะที่คิดว่าทำไมเราไม่ลาออกให้เร็วกว่านี้ เพราะว่าเราทำแล้วเรามีความสุขมาก แต่ก่อนทำงานจันทร์ถึงเสาร์ แป้งไม่อยากทำงานวันเสาร์เลย ทุกวันนี้ทำงานจันทร์ถึงอาทิตย์ แต่มีความสุขและรู้สึกว่านี่คือของเรา เราภูมิใจ อยากให้ทุกคนได้ลองใส่ว่ามันดีอย่างไร

พร้อมไปต่อเดินหน้าสู่สาย Eco ทุกกระบวนการผลิต

ใส่เสื้อผ้าอย่างไร? ไม่ให้เป็นภาระกับโลก คือเทรนด์ที่ปัจจุบันเริ่มเกิดขึ้น การรณรงค์ใส่ซ้ำ ใช้ซ้ำ เริ่มเสียงดังมากขึ้น และตรงกับความตั้งใจของแป้ง จากวันหนึ่งที่เธอเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วพบว่า มีเสื้อผ้าจำนวนมากจนล้นตู้ สิ่งเหล่านี้พอจะทำอะไรต่อได้หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ Poliful จึงเริ่มจากการใช้ รีไซเคิล โพลีเอสเตอร์ และจากนี้จะมีกระเป๋าผ้า ที่ทำจากการรีไซเคิล 100% เป็นผ้าที่คนอื่นๆทิ้ง แล้ว นำมาทำเป็นกระเป๋า รวมถึงถุงบรรจุผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดไปจนถึงการ์ดขอบคุณที่สามารถนำไปปลูกต้นไม้ได้

สำหรับ Poliful ปัจจุบันมีออกมา 1 คอลเลคชัน เป็นชุด Active Wear 3 ลายจากผลไม้เมืองร้อน คือ มะม่วง มังคุด แก้วมังกร และสามารถใส่ได้ทุกกิจกรรม แต่มีการผลิตออกมาจำนวนไม่มากเพียง 300 กว่าตัวเพื่อลดขยะและการผลิตเกินความจำเป็น และกำลังจะมีชุดสำหรับเด็ก และกระเป๋าผ้าตามออกมา

หลายคนอาจมองว่า "เพราะคุณมีเซฟโซนที่แข็งแรง มีฟูกที่ล้มได้" จึงกล้าตัดสินใจออกมาซึ่งแป้งกลับมองในอีกมุมว่า ใช่เพราะแบบนี้ ถึงยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นว่าเราทำได้

ถ้ามองในมุมของผลตอบแทน แน่นอนไม่ได้เยอะเท่าที่ทำอยู่บริษัทของคุณแม่ แต่สิ่งที่ได้คือ "สภาพจิตใจที่ดีขึ้นและดีต่อใจเรามากกว่า" ความขัดแย้งที่เคยมีในครอบครัวที่เกิดจากความเห็นที่ไม่ตรงกันของคนที่เคยผ่านมาก่อน กับ คนรุ่นใหม่ ย่อมต้องเกิดขึ้น แต่เมื่อเราออกมายืนด้วยตัวเอง กลับเจอบทเรียนที่พบว่า กว่าแม่จะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และมันไม่ง่าย ยิ่งกลับทำให้อยากเจอ อยากปรึกษาแม่มากขึ้น เพื่อมาปรับใช้เป็นแนวทางของตัวเอง 

เรารู้แหละว่าที่บ้านเรามีเงินอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าแป้งทำเองแล้วไม่สำเร็จเราจะต้องกลับไปไหม ดังนั้นแป้งยิ่งต้องทำให้มันสำเร็จ ซึ่งอาจจะไม่ใช้ด้านตัวเงินอย่างเดียวแต่มันมีเรื่องของสภาพจิตใจด้วย