หากย้อนกลับไปในช่วงวัยเรียนประมาณเกรด 6 เกรด 7 ครูเลดี้เล่าให้ฟังว่า เป็นช่วงที่ไม่สนุกกับการเรียนเลย เหมือนโดนบังคับเรียนและสอบ การไปโรงเรียนของครูเลดี้ แค่ให้ได้ไปเจอกับเพื่อนอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ครูเลดี้จึงเลือกที่จะท่องจำ สอบเสร็จก็ลืมทุกอย่าง จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนเมื่อต้องเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
LIFE STORY : “ครูเป้า” ครูแนะแนวผมยาว “ขวัญใจวัยรุ่น”
LIFE STORY : “ผอ.สถานศึกษา ” วัย 25 ปี ที่คิดนอกกรอบ และ พร้อมมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคน
เจอครูที่จัดเต็มอินเนอร์การสอน จากเด็กถูกบังคับกลายเป็นอยากเข้าเรียนทุกวิชา
ในช่วงที่ได้ไปเรียนอยู่สหรัฐอเมริกา ครูแต่ละคนมีอารมณ์ร่วมหรืออินเนอร์มาเต็มมากๆ กับวิชาที่สอน ไม่ว่าจะเป็นวิชาประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งคณิตศาสตร์ที่เคยเป็นวิชาที่ชอบน้อยที่สุด แต่เพราะคำพูดของคุณครู ที่เชื่อมั่นว่า “เราทำได้” ทำให้กลายเป็นนักเรียนที่แก้โจทย์คณิตศาสตร์ได้อย่างมีความสุข “นี่คือความแตกต่างจากสิ่งที่เคยเจอในชั้นเรียนสมัยอยู่โรงเรียนในไทย”
เขาอินมากกับสิ่งที่ตัวเองสอน เช่นครูประวัติศาสตร์เวลาสอนเกี่ยวกับเรื่อง สงครามโลกครั้งที่ 2 เขากระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วร้องไห้เพราะตอนนั้นคุณตาของเขาอยู่ในเหตุการณ์ เราก็เลยกลายเป็นคนชอบประวัติศาสตร์มาก พอเราเรียนเลขไม่เก่ง ครูเลขบอกว่า ไม่ ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ คุณต้องมาติวกับครูทุกวันหลังเลิกเรียน จนกว่าจะเรียนแคลคูลัสได้ รวมถึงวิชาศิลปะ ก็บอกเราว่าเรามีพรสวรรค์นะ เดียวจะผลักดันเราเอง ตอนนั้นจึงมีโอกาสได้ทำผลงานลง The New York Times จากเด็กเกรด 2.0 กลายเป็น 4.0 โดยที่ตัวเองรู้สึกอยากเรียนเอง
เริ่มค้นพบคำตอบแล้วว่า การที่เด็กคนหนึ่งจะเก่งไม่เก่งอยู่ที่คุณครู ว่าคุณครูจะชอบในสิ่งที่ตัวเองสอนหรือเปล่า และรักเด็กจริงๆ หรือเปล่า
จากนั้น ครูเลดี้ ได้ศึกษาต่อในด้านที่เกี่ยวกับการศึกษาโดยตรงที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ฝึกสอนจากโรงเรียนจริงทั้งของรัฐบาลและเอกชนอยู่ 2 ปี ทั้งในรูปแบบการสอนแบบบูรณาการ แนววิชาการ
แต่ยังไม่เจอโรงเรียนที่สร้างความสมดุลทั้ง 2 แบบ ความฝันที่อยากสร้างโรงเรียนในรูปแบบ Active Learning จึงเกิดขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ครูเลดี้รู้สึกว่า ยังไม่มีโรงเรียนแห่งใดทำเลยแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา คือ ทักษะการใช้ชีวิตจริง
ครูเลดี้อยากสร้างโรงเรียนที่เอาทั้งสองอย่างมารวมกัน เราจะไม่ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วทิ้งอีกอันหนึ่งไป มันเป็นไปได้ แต่โรงเรียนจะต้องมีเป้าหมายแน่ชัด จะต้องมีบุคลากรที่พร้อมที่จะฝึกในการเรียนการสอนแบบนี้ เราขัดใจมาตลอดว่าทำไมมีทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องวิชาการ แต่ไม่มีสอนเรื่องการใช้ชีวิต
D-PREP International School จึงเกิดขึ้น ในแบบ Active Learning พร้อมทักษะเรียนรู้การใช้ชีวิตจริงในสังคม
ในที่สุด ครูเลดี้ จึงสร้าง D-PREP International School ขึ้นมา หรือชื่อเต็ม ว่า ดิษยะศริน อินเตอร์เนเชอร์แนล เพร็พพะทอรี สคูล แบงค็อก(Didyasarin International Preparatory School Bangkok) โดยยึดหลักพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ว่า การเรียนทั้งหมดต้องเอาไปใช้ได้จริงถ้าเรียนเพื่อสอบ และเรียนเพื่อลืมคือไม่มีประโยชน์ในการเรียน
D-PREP International School จึงเป็นโรงเรียนที่สอดแทรกทักษะการใช้ชีวิตลงไปตั้งแต่ระดับเนอสเซอรี่ เพื่อให้นักเรียนค่อยๆ เริ่มเข้าใจตัวเอง ค้นพบตัวเอง มีจุดยืน และก็กล้าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดเพื่อที่จะเจอความสุขของตัวเอง จากการได้สร้างความสำเร็จจากสิ่งที่เรารัก ที่ไม่ใช่แค่การสอนตามคำบอกเล่าของครู หรือ ตามตำรา หนังสือเรียน
แต่ครูเลดี้ พาเด็กๆ ออกไปเจอโลกจริงๆ เจอผู้คนต่างวัย เรียนรู้ พูดคุยชีวิตของคนนอกรั้วโรงเรียนในหลากหลายอาชีพ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ในทุกๆ มุมมอง และทุกๆ ด้านของสังคมนอกรั้วโรงเรียน ซึ่งในอนาคตพวกเขาต้องไปพบเจอในชีวิตจริง ผ่านหลักสูตร Who is Thailand ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อไป
ผลลัพธ์ที่กลับมาเมื่อเด็กๆ บอกว่า “หนูทำได้และมั่นใจที่จะทำต่อไป”
จากแนวการสอนที่ครูเลดี้ สอดแทรกลงไปให้กับเด็กๆ นักเรียนตามช่วงวัย หลายครั้งที่เด็กๆ อาจกลัวความผิดพลาด ล้มเหลว เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคุณครู คือ ความเชื่อมั่นในตัวเด็ก และสอนว่า หนูทำได้ทุกอย่าง ถ้าหนูกล้าที่จะทำ ถ้าหนูตั้งใจ เป็นหลักสูตรบังคับของโรงเรียนที่ทุกคนต้องลองทำ ใครจะกลัวขนาดไหนก็ต้องลองในขอบเขตที่ต้องไม่เป็นอันตรายต่อตัวเด็ก
ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือ เราเริ่มเห็นผลผลิตออกมาแล้ว เมื่อเด็กๆ เขาบอกว่า ไม่น่าเชื่อเลยครูเลดี้ว่าหนูทำได้ ซึ่งทำให้เขามั่นใจที่จะทำในสิ่งที่เคยกลัวต่อไป
เทรนนิ่งบุคลากรครูให้มีเป้าหมายชัดเจน
อย่างที่กล่าวไป ครูเลดี้ค้นพบว่า สิ่งหนึ่งที่จะทำให้นักเรียนมีความสุขกับการเรียนคือ “คุณครู” ที่นี่จึงมีการเทรนนิ่งบุคลากรของโรงเรียนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มองเห็นเป้าหมายในการสร้างเด็ก 1 คน การทำงานเป็นทีมเวิร์คคือสิ่งสำคัญ ในบางวิชาใช้ครูหลายคนจากด้านต่างๆ ทั้งวิชาการ ศิลปะ มาร่วมกันสอนและวางแผนการสอนให้กับนักเรียน โดยยึดหลัก 3 อย่างที่ครูเลดี้อยากให้คุณครูทุกคนลองนำไปปรับใช้
- การมี Relationship กับนักเรียน ให้เขารับรู้ว่า รักเขา หวังดีกับเขาจริงๆ ไม่ได้มีอย่างอื่นเลย ที่เราทำทุกอย่างได้เพราะเราหวังดี เด็กจะตอบรับเรา เชื่อมั่นในตัวเราอีกแบบ ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้าเราทำให้เด็กเชื่อในความหวังดีของเรา เขาจะรับรู้และสัมผัสได้แล้วเขาจะเรียนอย่างมีความสุขและตั้งใจเรียนขึ้นมาทันที
- สิ่งที่เราสอนต้อง Make Sense กับเด็ก ปรับการสอนให้เข้ากับเขามากที่สุด ให้เขาเห็นถึงการนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่น วิชาคณิตศาสตร์ การทำให้เขาเห็นความสำคัญของวิชานี้ อาจจะถามเขาว่า ถ้าหนูอยากซื้อไอศกรีม ถ้าหนูไม่เรียนวิชานี้หนูจะคิดเงินถูกอย่างไร ต่อไปหนูจะเปิดร้านได้อย่างไร เป็นต้น ถ้าเราสอนให้สนุก เขาก็จะสนุกกับเรา
- เชื่อมั่นในตัวเด็ก ตรงนี้ครูเลดี้เชื่อว่าเด็กทุกคนเก่งได้หมด แต่บางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจในวิธีของเราที่สอน เราลองมาพิจารณาว่าเราจะสอนแบบไหนให้เด็กที่ไม่ชอบฟังคำสั่งเรา อาจจะถามเขาแทนว่า งั้นเสนอครูมาดีกว่าว่าอยากเรียนแบบไหน ลองถามเด็กให้เขามีส่วนรวมในการคิด การออกแบบการสอน การสื่อสารกับเรา
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด หลักสูตรของ D-PREP International School จะเน้นไปที่ รูปแบบ Experiential learning โดยใช้ Play base learning การออกไปสัมผัสกับสิ่งที่เป็นจริง พานักเรียนไปออกแคมป์ ดำน้ำ เดินป่า ศึกษาจากความเป็นจริง เน้นการเผชิญปัญหาและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง รวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจจากโลกจริงเพื่อให้ค้นพบตัวเองให้มากที่สุด
เพราะการทำให้เด็กค้นพบตัวเองให้มากที่สุดก่อนที่จะจบออกไป เพื่อที่ในตอนท้ายเขาจะได้เลือกก้าวเดินในจุดที่ตรงกับสิ่งที่เขารักและนำความสุขให้กับชีวิตเขาจริงๆ เพื่อให้เกิดความสำเร็จ แต่อีกด้านหนึ่งถ้าเราคิดแต่ตัวเงิน เพราะแค่อยากสำเร็จ วันหนึ่งก็หมดไฟ หรือจะเป็นคนที่ไม่ค่อยอดทน ทำให้ต้องเอา 2 อย่างนี้ มาผสมผสานด้วยกัน ซึ่งเราทำตั้งแต่ เนอสเซอรี่ ด้วยซ้ำ เราคาดหวังเยอะในการเรียนการสอนเรา แต่เด็กต้องมีความสุข
ถ้าเด็กโดนปกป้องตลอดเวลาครูทำให้ตลอดอย่างหนูแค่ท่องจำ แล้วไปสอบ เด็กก็จะโตช้า ความรับผิดชอบก็จะช้า แต่ตอนนี้เขาต้องลงมือแก้ปัญหาเอง เราแค่คอยช่วยตลอดเพื่อไม่ให้เขาตกอยู่ในอันตราย สังเกตว่าเด็กที่มีความสามารถหรือต้องฝึกอะไรสักอย่างตั้งแต่เด็กๆ จะมีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไป เพระระบบโรงเรียนทั่วไปไม่ได้ถูกออกแบบให้สร้างตรงนี้ ครูเลดี้เลยคิดว่ามันน่าเสียดายที่เด็กแค่กลุ่มเดียวจะเป็นแบบนั้น ทำไมไม่สร้างการศึกษาให้เด็กทุกคนในโรงเรียนเหมือนเป็นภาคบังคับต้องลงภาคสนามจริง เป็นแนวทางว่าทำไมถึงเป็นโรงเรียนที่เน้นสอนผ่านประสบการณ์ แต่ในท้ายที่สุดทุกวิชาที่เราเรียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา มันต้องแปลงไปใช้เป็นทักษะที่เกิดประโยชน์ในชีวิตจริงได้
วันนี้ D-PREP International School โรงเรียนที่ถูกออกแบบมาตามแบบโรงเรียนในฝันของครูเลดี้ เกิดขึ้นจริงและค่อยๆ ผลิตผลเล็กๆ ให้มีรากที่แข็งแรงเพื่อพร้อมเผชิญกับเส้นทางข้างหน้าในชีวิตจริงด้วยความมั่นใจ