ถอดบทเรียนชีวิต ‘นิรุตติ์ ศิริจรรยา’ สุขแบบพอดีบนวีถีธรรมชาติ

เมื่อคนเรามีมุมมอง มิติชีวิตที่แตกต่างกัน รายการ Coffee Club ชวนถอดบทเรียนชีวิต ในฉบับที่สุขแบบพอดีบนวิถีธรรมชาติกับ คุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา หรือ อาหนิง นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนต่อหลายคนที่กลับสู่ชีวิตเกษตรกรออร์แกนิก เจ้าของ “สวนทองจันทร์” และนอกจากชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ อาหนิง ยังเล่าการจัดเวลาครั้งที่เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง

 

• ก่อนมาเป็นชาวสวน เจ้าของ ‘สวนทองจันทร์’

อาหนิง นิรุตติ์ เล่าให้ฟังว่า ที่มาของการเป็น สวนทองจันทร์ นั้นเริ่มมาจากศูนย์ เมื่อมีผู้ใหญ่มาเสนอไร่ให้ในราคาที่พอรับได้ ด้วยความที่ตนเองคลุกคีกับการทำพืชผัก หรือสวนอยู่แล้วจึงรับคำ “หลังจากที่ผมทำงาน ได้เงินมาก้อนแรก สิ่งแรกที่ผมทำคือการบอกกับแม่ว่า ผมจะซื้อที่ และตอนนั้นแม่ก็เห็นด้วย ระหว่างถ่ายทำผมก็เริ่มหา จนกระทั่งผมมาเจอที่จันทบุรี ตอนนั้นผมมาทำงานกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เป็นคนในพื้นที่ เขาต้อนรับผมอย่างดี กางเสื่อ กางมุ้งให้นอน บอกตามตรงนะครับ ผมชอบบรรยากาศตอนนั้นมาก พอเจ้าของบ้านที่ต้อนรับเห็นว่าผมชอบ เขาก็เสนอที่ดินให้ 50 ไร่ ตอนนั้นผมก็ตัดสินใจซื้อเลย” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ สวนทองจันทร์

• ทุกอย่างเริ่มขึ้น ด้วยการเริ่มทำจาก ‘สิ่งที่ชอบ’

นอกจากแนวคิดการตัดสินใจ และการแบ่งปันพืชผลในสวนให้กับเพื่อนบ้านตัวน้อยแล้ว อาหนิงเล่าให้ฟังว่า ตนเองไม่ได้เกิดมาและมีบ้านสวนตั้งแต่แรก บ้านเกิดอยู่ที่ซอยหลังสวนลุมพินี แต่เดิมแม่และอาหนิงชอบการปลูกพืชผลอยู่แล้ว และที่ไม่ใหญ่ อยู่ที่ 200 ตารางวา เริ่มจากการปลูกในสิ่งที่ชอบก่อน อาหนิงอธิบายว่า สิ่งแรกที่เริ่มปลูกคือมะม่วง ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงอกร่อง มะม่วงมัน แล้วองุ่น และดอกไม้เช่นกุหลาบ

“แต่ก่อนผมจะยืนขายดอกไม้หลังสวนลุม เพราะตรงนั้นมีโบสถ์ลูกค้าประจำจะเป็นเด็กมาร์แตร์ซะส่วนใหญ่ บอกตามตรงว่าผมไม่ได้ปลูกเพื่อขาย แต่เมื่อเราปลูกแล้ว และมีบางส่วนเกินจำเป็นสิ่งที่เราทำได้ก็คือการแบ่งส่วนเกินให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์ ถ้ามีคนทำแบบนี้เยอะๆ ก็จะมีทางเลือกให้ผู้ต้องการมากมาย”

• มุมมองเชิงเกษตรกรของ ‘อาหนิง นิรุตติ์’

แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมของสวนและคลุกคลีกับต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก แต่อาหนิง เผยแนวคิดลึกๆ ว่าความจริงแล้วการเป็นเกษตรกรไม่ใช่เรื่องง่าย 

 

 

“ความจริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศทำเกษตรกรรมเป็นหลัก เรามีเกษตรกรมหาศาล เมื่อคนอพยพเข้ามาก็มีพืชผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้น และเริ่มเป็นธุรกิจ ณ ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่เห็นเกษตรกรของไทยลืมตาอ้าปากได้เลย  แม้ว่าผมไม่ได้อยู่มา 100 ปี ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมหาเกษตรกรที่ลืมตาอ้าปากได้ยากมาก คนทำสวนไม่เคยรวย มีแต่คนรวยไปทำสวนและไปซื้อสวน แล้วก็อยู่ในอุตสาหรกรรมการเกษตร แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่กับทั้งสองฝ่าย”

อาหนิงยืนยันว่า ชีวิตปกติมีความผูกพันธ์กับการทำสวนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจว่าการเป็นเกษตรกรไม่จำเป็นต้องเข้าอุตสาหกรรมการเกษตร ทุกคนก็สามารถเป็นเกษตรกรได้ 

• เส้นทางชีวิต ของ อาหนิง นิรุตติ์ และอุดมคติในการทำงาน  

นอกจากความผูกพันกับการเป็นเกษตรกร แต่อีกหนึ่งอาชีพของอาหนิงที่ทุกคนรู้อยู่แล้วคือการเป็นนักแสดงมากฝีมือ เริ่มทำงานเป็นเซอเวย์อยู่กับแคมป์แอมแพ็ค เป็นบริษัทก่อสร้างของอเมริกัน ให้กับทหารGI ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งนั่นทำให้ได้เห็นภาพพื้นที่ของหลาย ๆ จังหวัด หลังจากนั้นผ่านงานมามากมายหลายพื้นที่ แม้รู้ตัวว่าลึก ๆ จะไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองหลวง และอยากกลับไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ แต่สิ่งสำคัญที่อาหนิงยึดถือกับตัวเองคือการ ไม่ละทิ้งงานและหน้าที่

“มนุษย์เราลึกๆ เวลาได้รับงานอะไร ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ทำงานของเราให้ถูกต้อง ไม่ใช่ทำแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ทำแล้วไม่ชอบนั่นก็ไม่ใช่ ต้องทำก่อน ทำทุกอย่างเพื่อที่จะสามารถเป็นอาชีพเลี้ยงดูตัวเอง และอาชีพไหนที่เราชอบ จนเกิดเป็นความรัก แล้วก็ทำมันได้ตลอดไป ซึ่งมันก็สามารถเกิดขึ้นได้”

• เส้นทางก่อนเป็น ‘พระเอก มากความสามารถ’

หลังจากได้ทำงานที่สายการบินคาเท่ห์ ซึ่งถือเป็นงานที่ชอบและอยากทำ ก็ได้เจอกับ เทิ่ง สติเฟื่อง นักแสดง นักธุรกิจโฆษณา ชีวิตของอาหนิง ไดเริ่มเข้าสู่เส้นทางนักแสดง “ตอนที่เจอพี่เทิง ผมทำแค่ทักทายเหมือนเจอผู้ใหญ่หรือคนดังปกติ ก่อนจะขอตัวไปเขียนรายงาน เพราะการเป็นพนักงานขายของ คาเท่ห์ ผมต้องเขียนรายงานว่าผมทำอะไรมา และคุยอะไรบ้าง แต่หลังจากนั้น พี่เทิ่งโทรกลับมา พร้อมกับนัดแนะให้เจอกันหน้าช่อง5”  อาหนิงเล่าเพิ่มว่า หลังจากได้เจอกัน คุณเทิ่งทาบทาม และชวนให้อาหนิงเข้าสู่วงการจนถึงทุกวันนี้ !

• จะรู้จักงานที่รักได้ ต้องเริ่มจากการ ทดลอง ลงสนาม

หลังจากถูกทาบทามให้มาเป็นนักแสดง หน้าที่แรกที่อาหนิงได้รับ คือการเล่นละครสด แม้ในตอนแรกจะทำไม่เป็น เป็นคนขี้อาย และไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ “ต้องยอมรับเลยว่าในตอนแรกผมประหม่ามาก ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็เขินด้วย ผมถึงกับสะดุดธรณีประตู เกือบจะหกคะเมนตีลังกา เพื่อเข้าไปพูดแค่คำว่าสวัสดีครับเท่านั้น” อาหนิงอธิบายถึงในการเล่นละครเรื่องแรก

“และตอนนั้นก็เข้าใจว่าหนังจบหมดแล้ว เพราะในบทมีแค่นั้น หลังจากเล่นจบก็สบายใจ แต่สิ่งที่ตกใจมากกว่านั้นคือ ผมไม่รู้ว่ามันมีคำว่า ติดตามต่อไปในสัปดาห์หน้า ทีนี้สัปดาห์ต่อไป ผมได้อ่านบททั้งปึกเลยในตอนที่สอง”

• เรียนรู้การบริหารเวลา ฉบับ อาหนิง นิรุตติ์

เมื่อชีวิตต้องรับหน้าที่หลายอย่าง การแบ่งเวลาในการทำส่วนต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ อาหนิงเล่าให้ฟังระหว่างที่ทำงานอยู่สายการบินคาเท่ห์ และงานการแสดงที่คู่ขนานกันไป

 

 

“คนเราสามารถทำอะไรพร้อมๆ กันในชีวิตได้ โดยที่เราแบ่งเวลาเป็น และมันไม่ได้ไปกวนระหว่างเวลาทำงาน เช่น ถ้าเราต้องแสดงละคร เราก็แสดงละครในวันเสาร์ วันอาทิตย์จะเป็นวันหยุด ถ้ามีละครสั้น ผมจะเลือกแสดงช่วง 5 โมงเย็น หรือเวลาที่เลิกงานแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ทำให้ใครเขาเดือดร้อน ”

อาหนิงนิรุตติ์ เล่าว่า ‘การบริหารเวลา’ ต้องใช้ระยะเวลาในการสร้าง ต้องทำให้เป็น ‘นิสัยการบริหารเวลา’ ไม่สามารถสร้างในทันทีได้ ต้องฝึกให้เป็นความเคยชิน

• สมดุลแห่งชีวิต ของอาหนิง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชีวิตจะผ่านเรื่องราวมามากมาย อาหนิง นิรุตติ์ เล่าว่า สมดุลแห่งชีวิตในแบบของ เขาก็เหมือนกับลม เพราะรู้ว่าลมที่มันพัดมา ต้องทำอย่างไร เราต้องทำและแก้รับมือไปเรื่อยๆ เพราะมันคือสัจจะธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่วงหายไป มันมีแน่แน่นอนเป็นธรรมชาติของมนุษย์

ติดตามรายการ "Coffee Club สมดุลชีวิตสร้างได้" ในวันจันทร์ที่ เวลา 10.00 น. รับชมสดทาง Facebook, YouTube PPTV HD 36 และ LINE Official PPTV Online