ทำไมต้องให้ช็อกโกแลต วันวาเลนไทน์ 2566 เปิดที่มา พร้อมประโยชน์ที่คาดไม่ถึง!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เคยสงสัยไหมว่าทำไม "ช็อกโกแลต" ถึงได้กลายเป็นขนมหวานที่ถูกมอบเป็นของแทนใจ ไขที่มาของ "วันวาเลนไทน์" ทำไมต้อง 14 กุมภาพันธ์

ทำไมถึงนิยมมอบช็อกโกแลตให้กันในวันวาเลนไทน์?

ช็อกโกแลต กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการบอกรัก และการส่งมอบความปรารถนาดีให้แก่กัน ซึ่ง ช็อกโกแลต มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 แห่งโรมัน เนื่องจากในยุคดังกล่าวจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ชายชาวโรมันสมรส เพราะต้องการเกณฑ์ผู้ชายไปรบต่อสู้ข้าศึกโดยที่ไม่ต้องมีห่วงกังวลใด ๆ ถึงขนาดใครฝ่าฝืนจะมีโทษประหารชีวิต ด้วยเหตุความรักที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ นี้ ทำให้การเจอกันเป็นเรื่องยาก จึงนิยมมอบของขวัญแทนใจแทนความรัก ซึ่งก็คือช็อกโกแลต

คอนเทนต์แนะนำ
รวม 10 ของขวัญ "วันวาเลนไทน์ 2567" ให้แล้วการันตีความอบอุ่นใจ
104 แคปชัน-คำอวยพร วาเลนไทน์ 2567 ประโยคเด็ดบอกสถานะ โสด มีคู่ อกหัก
ไอเดียถ่ายรูปอวดแฟน วันวาเลนไทน์ 2566 ให้เพื่อนอิจฉา!

ที่มาของ "วันวาเลนไทน์" วันแห่งความรักที่แลกมาด้วยความเศร้า

อย่างไรก็ตามมีชายหญิงหลายคู่ลักลอบแอบจัดพิธีสมรสกันโดยมีนักบุญที่ชื่อว่า “วาเลนไทน์” ทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบพิธีแต่งงานให้ ต่อมาภายหลังจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ทราบข่าว จึงได้สั่งประหารชีวิตนักบุญวาเลนไทน์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงเป็นที่มาของวันระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ก่อนพัฒนามาเป็น วันแห่งความรัก, สารภาพรัก และบอกรัก จนถึงปัจจุบัน

การที่ช็อกโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของ เสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพ ในช่วงที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อาจมาจากการที่ช็อกโกแลตนั้น สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์รักได้ด้วย เพราะมีเรื่องเล่าขานกันมาว่า นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งสเปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าสาว ๆ ในฮาเร็มของเขา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รักนั่นเอง

คอนเทนต์แนะนำ
14 กุมภาพันธ์ เปิดประวัติ "วันวาเลนไทน์" จากความรักที่ไม่สมหวัง
อาหารเพิ่มความฟิตปั๋งให้คุณผู้ชาย บำรุงให้ทันก่อนวาเลนไทน์!
สารพัดปัญหาเรื่องเซ็กซ์ฉบับคู่ชีวิต ปลุกไฟรักให้ทันวาเลนไทน์ 2566

การมอบช็อกโกแลตกลายเป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่น

ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์นั้น ได้ถูกจัดเป็นธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว และจะต้องเป็นฝ่ายหญิงที่ต้องเป็นผู้มอบช็อกโกแลตให้กับฝ่ายชายเท่านั้น โดยธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นจาก การที่บริษัทขนมญี่ปุ่น Mary Chocolate ได้นำเอาเทศกาลวันวาเลนไทน์มาทำเป็นแคมเปญการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย โดยเชิญชวนให้ฝ่ายหญิง มาซื้อช็อกโกแลตเพื่อไปมอบให้ฝ่ายชาย โดยใช้ข้อความว่า "เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในรอบ 1 ปี ที่ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นฝ่ายแสดงความในใจให้กับชายที่ตนรัก" และต่อมา บริษัทขนมญี่ปุ่นอย่าง Morinaga ไปจนถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องต่างๆ ก็ได้ออกแคมเปญทำนองนี้เช่นกัน จนกลายมาเป็นธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้

ในปัจจุบัน การมอบช็อกโกแลตของชาวญี่ปุ่น ไม่จำเป็นต้องมอบให้เฉพาะคนรักหรือคนที่แอบชอบเท่านั้น ยังสามารถมอบให้ในฐานะอื่น ๆ ได้อีกด้วย และไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายหญิงที่มอบให้ฝ่ายชายเท่านั้น แต่ฝ่ายชายก็ยังคงต้องมอบกลับให้ฝ่ายหญิงด้วย โดยในวันที่ 14 มีนาคม จะเป็นวัน "ไวท์เดย์ (White Day)" คือวันที่ฝ่ายชายจะเป็นผู้มอบของขวัญเป็นการตอบแทนฝ่ายหญิง

ประโยชน์ของช็อกโกแลตที่ดีต่อสุขภาพ

จากกงานวิจัย ดาร์กช็อกโกแลตที่มีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไป จะมีผลดีต่อสุขภาพ เนื่องจาก Dark Chocolate มีระดับฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาก ซึ่งเป็นสารเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดอีกด้วย ส่วน White Chocolate ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า การที่มีส่วนประกบของนมอาจเป็นตัวที่ขัดขวางการดูดซับฟลาโวนอยด์ นอกจากนี้ในงานวิจัยยังระบุอีกด้วยว่าควรกิน Dark Chocolate ในปริมาณเทียบเคียงกับระดับแคลอรี่ที่เราทานในแต่ละวัน โดยที่ Dark Chocolate 100 กรัมให้พลังงาน 500 แคลอรี่

นอกจากนี้นักวิจัยพบว่า ในดาร์กช็อกโกแลต มีสารทีโอโบรมีน ที่สามารถออกฤทธิ์แก้ไอ ได้ดี แต่ถ้าอยากกินดาร์กช็อกโกแลตเพื่อแก้ไอ ควรค่อย ๆ เคี้ยวทีละนิดแล้วกลืน เพื่อให้ผงโกโก้ไปเคลือบตรงช่วงคอ จึงสามารถลดอาการไอได้ และลดอาการซึมเศร้า ดาร์กช็อกโกแลตมีสารเซโรโทนินโดพามีน และฟีนิลไทลามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ค่ะ และยังมีสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์โมโนเอมินเอ็กซิเดส ที่มีส่วนคล้ายคลึงกับยาต้านโรคซึมเศร้านั่นเอง ทำให้สารสื่อประสาทต่าง ๆ สามารถทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความคิดแจ่มใสขึ้นไปด้วยนั่นเอง

ข้อแนะนำสำหรับการกิน Dark Chocolate

ถึงแม้ว่า Dark Chocolate จะมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ก็ยังมีน้ำตาลและนมผสมอยู่บ้าง จึงควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกิน 100 กรัมต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ที่ป่วยเป็นไมเกรน และโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการกินดาร์กช็อกโกแลตจะดีกว่า เพราะว่าดาร์กช็อกโกแลตมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน ที่จะยิ่งกระตุ้นอาการปวดไมเกรนให้หนักขึ้นกว่าเดิม และมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต

คอนเทนต์แนะนำ
วาเลนไทน์ 2567 รวมมุกจีบสาว จีบหนุ่ม จดบทไปใช้เลย หวานฉ่ำให้เพื่อนอิจฉา!
14 หนังรัก สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก "วันวาเลนไทน์ 2566"
เปิดความหมาย "ดอกกุหลาบ" และ 40 ความหมายดอกไม้รับ "วันวาเลนไทน์"

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ