ใกล้วันลอยกระทงเข้ามาแล้ว ซึ่งในปีนี้จะตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ในปีที่แล้ว ในฉากหนึ่งของละครเรื่องพรหมลิขิต “พ่อริด” (โป๊ป - ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) และ “พุดตาน” (เบลล่า - ราณี แคมเปน) ควงคู่กันแต่งชุดสวยหล่อไปร่วม “พิธีจองเปรียง” ทำให้พิธีนี้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ลอยกระทงปี 2567 นี้ มาหวนคิดถึงประเพณีเก่าแก่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดประเพณีลอยกระทงของไทยกันอีกครั้ง
“พิธีจองเปรียง” คืออะไร
ประเพณีลอยกระทง เกิดขึ้นครั้งแรก ในสมัยกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี มีประวัติ ว่า “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์” หรือ “นางนพมาศ” เป็นผู้คิดประดิษฐ์ กระทงเป็น "รูปดอกบัว" หรือ “ดอกกมุท” ถวายพระร่วงเจ้าในวันเพ็ญเดือน 12 เพื่อลอยลงน้ำ ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยมาก จึงทรงรับสั่งว่าทุก ๆ ปีให้มีประเพณีดังนี้ขึ้น และโปรดให้เรียกประเพณีนี้ว่า “พระราชพิธีจองเปรียง” หรือ “ลอยกระทงพระประทีป” แต่ถ้าเป็นพิธีของชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็จะพากันเรียกว่า “ลอยกระทง”
แม้ไม่มีที่มาของประเพณีลอยกระทงอย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามาจากอินเดีย เพราะพระราชพิธีจองเปรียงในอดีตจะทำโดยการชักโคมซึ่งเป็นการปฏิบัติเพื่อบูชาพระเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม ซึ่งได้ต้นแบบมาจาก “ดิวาลี” (Diwali) บูชาไฟของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจากอินเดีย ต่อมาได้ถือคติตามพระพุทธศาสนา จึงมีการยกโคมเพื่อสักการะบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
หนุ่ม กรรชัย แฉ!คลิปนักร้องชื่อดัง ตบทรัพย์ดิไอคอน 20 ล้าน
ตารางการประกวด "Miss Universe 2024" เช็ก 3 รอบสำคัญ เชียร์ "โอปอล สุชาตา" คว้ามง!
ที่มาของ “กระทงรูปดอกบัว”
อย่างไรก็ตามเมื่อ “นางนพมาศ” ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัว และพระร่วงได้ดำรัสให้แต่นี้สืบไปทุกวันเพ็ญเดือน 12 ต้องมีการทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการะบูชาพระพุทธบาท ณ นัมมทานที จึงทำให้ โคมลอยรูปดอกบัวจึงปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเรียกว่า “พระราชพิธีจองเปรียง” หรือ “ลอยกระทงพระประทีป” นั่นเอง
ส่วนที่ประเพณีลอยกระทงมีทั้งโคมลอยลอยบนฟ้า และกระทงลอยในน้ำนั้น มีกฎมณเฑียรบาล สมัยอยุธยาตอนต้น อธิบายให้เห็นวว่า “พระราชพิธีจองเปรียง” มี 2 กิจกรรมในคราวเดียวกัน ได้แก่ จองเปรียงลดชุด ซึ่งทำบนบก (ลอยบนบก) และ ลอยโคมลงน้ำ หรือ ลอยโคมทำลงน้ำ (ลงน้ำ)
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศิลปวัฒนธรรม และ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร