ปกติเป็นคนชอบกิน ชอบเที่ยว ชอบสรรหาที่เที่ยวดีดี ที่กินอร่อยเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว แต่ไม่เคยจะลุกขึ้นมาทำตัวเป็นนักรีวิวกับใครเขา เพราะส่วนตัวแล้วก็เชื่อว่าคนเรามีรสนิยม ความชมชอบในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ไม่เหมือนกัน เกรงว่าการพูดการเล่าอะไรไปจะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเสียมากกว่า และจากรีวิวจะกลายเป็นกระทู้ล่อเป้าในสังคมอุดมดราม่าไปเสียก่อน
แต่เอาเถิด คราวนี้จะลองออกมาเคาะสนิม ทำในสิ่งที่เป็นทางที่ชอบที่ชอบของตนเสียหน่อย แก่ออกปานนี้ ใครจะชมใครจะด่ามันมีภูมิคุ้มกันเป็นอุเบกขารออยู่แล้ว
มาเชียงใหม่รอบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ เพราะเหมือนกลับบ้าน(เก่า) ยังไงยังงั้น แต่กระนั้นการมาเชียงใหม่แต่ละครั้งไม่เคยมีอะไรที่เหมือนกันสักครั้งเดียว ตั้งแต่มากินเหล้าขวดแรกที่นี่สมัยมัธยม มาทำข่าวเลือกตั้งปี'40 จนได้แฟนน่ารักเป็นหลีด Acc-Ba มช.กลับไปคนนึง และกลับมาเที่ยวอีกหลายครั้งในฐานะคนคุ้นเคยที่มีเพื่อนดีๆในเชียงใหม่อยู่หลายคน และในทุกครั้ง สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือร้านรวง แหล่งเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนในเชียงใหม่ที่ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดในช่วงหน้าฝน และเปลี่ยนแปลงมีดอกใหม่ผุดขึ้นมาในทุกฤดูกาล
ร้านกาแฟในเชียงใหม่ก็เป็นหนึ่งในดอกเห็ดนับล้านดอกที่ผมพูดถึง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาของโลก แต่ใครเล่า อยากจะยอมให้เงินที่ลงทุนไปหายวับแช่วับไปต่อหน้าต่อตาในดินแดนที่เรียกว่าเป็น "สมรภูมิเดือดแห่งร้านกาแฟ” เจ้าของร้านทั้งหลายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่อยากลองกระโดดเข้าร่วมสมรภูมิรบจึงต้องงัดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ของตัวเองออกมาสู้กันอย่างเต็มกำลัง และหมัดเด็ดที่จะต่อชีวิตให้ยืนยาวในสมรภูมิรบได้ นั่นก็คือ ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ ที่แตกต่าง และเหนือ กว่าคู่แข่ง เพราะสมัยนี้ แค่ถูก และอร่อย ใครๆก็ทำได้จริงมั้ย
Nimmanian Club คือหนึ่งในร้านกาแฟในแบบที่ผมพูดถึง และเลือกมาแนะนำให้คุณได้รู้จักเป็นร้านแรกในคอลัมน์นี้ ใครที่เคยรู้จักแล้วจะลองอ่านต่อเพื่อทำความรู้จักเพิ่มเติมในแบบของผมก็ไม่ว่ากันนะ
คนที่ชอบนั่งชิลในร้านกาแฟ ในสไตล์ Industrial Loft คงต้องชอบร้านนี้แน่ๆ อย่างเพื่อนผมที่เป็นลูกเรือที่เบสอยู่เชียงใหม่ ก็เป็นคนมอบลายแทงร้านนี้มาให้ ซึ่งพอเดินเข้าร้านมา ก็ต้องบอกว่าใช่เลย ถูกจริตคนในกลุ่มลูกเรือ คนรุ่นใหม่ และคนสูงวัยแต่ใจยังชิลอย่างผมยิ่งนัก บรรยากาศ Clean & Clear สบายๆ จะนั่งรอกาแฟบนเก้าอี้ไม้เรียบๆตามมุมตามหย่อมของร้าน หรือ ไปนั่งบนเก้าอี้บาร์ ประจันหน้ากับคุณนัท เจ้าของร้านหนุ่มหน้าใสดีกรีรัฐศาสตร์ มช. และบาร์ริสต้าร์คนอื่นๆในร้าน ก็เป็นอาหารตาของสาวๆและหนุ่มๆบางคนได้ไม่เลวเลยหละ ลีลาการชงกาแฟนี่ดูแล้วเพลินอย่าบอกใคร เพราะเป็นการชงกาแฟในแบบ "The Italian Coffee and Non-alcoholic Cocktail Bar”
ที่มีความเป็น บาร์ริสต้าร์ ผสมกับความเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในคนๆเดียวกัน เหมือนกับเอาลีลา เทคนิคการชงหล้ามาผสมผสานกับเทคนิคการชงกาแฟ จนได้เครื่องดื่มชา กาแฟ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนออกมา นั่นหละครับคุณผู้ชมมมมม
ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ในร้าน อุปกรณ์การชงการแฟ เครื่องชง แก้วกาแฟ ขวดโหล ขวดแก้ว กล่องใส่ชา ขวดใส่น้ำเชื่อม ขวดนม ขวดน้ำ แก้วน้ำเสิร์ฟ ยันน้ำแข็งที่ใช้ชงผสม ล้วนถูกออกแบบ และคัดเลือกมาใช้งานในแบบที่ไม่เพียงแต่เป็นฟังก์ชั่นการทำหน้าที่ของมันโดยตรงเท่านั้น แต่พวกมันยังทำหน้าที่เป็น ตัวแสดงนำ และตัวประกอบ ในพรีเซนเทชั่นแสนเก๋ ของร้านนี้ด้วย สนนราคาเริ่มต้นของแต่ละเมนูตั้งแต่ 75 บาท คุณนัทเจ้าของร้านบอกว่าคงต้องขอขยับเริ่มต้นเป็น 80 บาทในเร็ววันเพราะของมันขึ้นราคาทุกวัน แต่ก็นับว่าไม่แพงเลยสำหรับกาแฟ ชา อร่อยๆ และพรีเซนเทชั่นสวยเท่เก๋ไก๋ในแต่ละแก้ว
พูดแล้วจะหาว่าอวยกันเกินไป มาดูเมนูที่เป็น signature ของร้านกันดีว่า นั่นก็คือ "Butterfly Effect” ที่เอาชื่อทฤษฎีความยุ่งเหยิง ของ Edward N.Lorenz นักคณิตศาสตร์และนักอุตุนิยมวิทยาชื่อดัง มาใช้เป็นชื่อเครื่องดื่มชาของร้าน ทฤษฎีทีว่านี้พูดถึงเรื่องเล็กๆอย่างแค่ผีเสื้อกระพือปีก ก็มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้แล้ว ทำนองที่ว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวนั่นแหละ
แต่...เอ่อ..เราจะมาสนใจเรื่องนี้ทำไม นี่มันคอลัมน์รีวิวที่กินที่เที่ยวธรรมดาๆ ไม่ใช่คอลัมน์วิชาการสักหน่อย อืม..ไหนๆละ ชื่อนี้คุณอาจจะคุณอาจคุ้นๆกับชื่อหนังเรื่องหนึ่งคือ Butterfly Effect ที่แอชตัน คุชเชอร์เล่นก็ได้ แต่ผมยังไม่รีวิวหนังเนอะ นั่นก็เป็นสิ่งโปรดอีกอย่างนึงของผมเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ (รีวิวโปรเจกต์ต่อไป)
Butterfly Effect ของร้าน Nimmanian บรรจงแช่น้ำแข็งให้เป็นก้อนกลมโต ผมแอบเห็นคุณนัทบีบมะนาวสดลงบนก้อนน้ำแข็ง และเสิร์ฟนั้นแข็งก้อนนั้นใส่แก้วประดับด้วยผีเสื้อกระดาษสีสันสวยงาม มาบนถาดที่มีขวดแก้วเจียรนัยสองขวด ขวดหนึ่งบรรจุชาดำสูตรเฉพาะของร้าน อีกขวดเป็นชาดอกอัญชัน ซึ่งถ้าเรียนวิทย์สมัยมัธยมมาคงบอกได้นะครับว่าส่วนผสมทั้งหลายเมื่อมันมาเจอกันในแก้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงไม่ต้องเฉลย สู้รอให้คุณมาผสมแล้วดื่มด่ำ รูป รส กลิ่น สัมผัสด้วยตัวของคุณเอง มันได้อรรถรสมากกว่าที่ผมบรรยายเป็นไหนๆ ส่วนใครที่อยากดื่มกาแฟก็มีอีกหลายเมนูที่มี “พิธีการชง” แบบสนุก และละเมียด อีกหลายรายการ เห็นชื่อแล้วนึกภาพไม่ออกจะลองเลือกจิ้มเอาจากภาพซองใส่เมนูเด็ดของร้านก็ได้นะครับ
ผมถามคุณนัทว่าทำแบบนี้ไม่กลัวคนเอาไปทำเลียนแบบเหรอ คุณนัทบอกว่า “ไม่กลัวเลย เอาไปทำกันเยอะๆจะได้เกิดการพัฒนา และทำให้ผู้บริโภคอย่างพวกเราได้เข้าใจตลาดเครื่องดื่มประเภทนี้ได้มากขึ้น เดี๋ยวคนก็ดื่มมากขึ้น เป็นลูกค้ากันมากขึ้น” และท้ายที่สุด ความพึงพอใจของลูกค้าจะเป็นตัวบอกเองว่าใครจะได้ไปต่อในสมรภูมินี้
อยากชิลแบบผม ไปกันได้เลยไม่ยาก นิมมานซอย 13 ตรงเข้าซอยไปประมาณ 300 เมตร เลี้ยวขวาแรกไปประมาณ 100 เมตรร้านอยู่ขวามือ จอดรถหน้าร้านได้เลยถ้ามีที่ว่าง คนแน่นนะฮะ โทรไปถามก่อนได้ 0861887779 บริการทุกวัน 9 โมงเช้า ถึงสามทุ่ม
แล้วเจอกันใหม่กับ โชว์ชวนเที่ยวร้านต่อไปในเชียงใหม่นี่ละครับ