อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ เป็นนักบิดที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะการแข่งขัน Spanish National Championship 125cc โดยเขาคว้าแชมป์ได้ในปี 2004 ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลกในปีถัดมา และได้โอกาสขี่ในรุ่นโมโตจีพี กับทีม Pramac Racing Team แต่ก็ไม่สามารถทำผลงานได้เข้าตามากนัก และ เอสปาร์กาโร่ ขยับกลับลงมาขับในรุ่น โมโตทู กับทีม Pons HP 40 โดยเจ้าตัวสามารถขึ้นโพเดียมครั้งแรกใน โมโตทู ด้วยอันดับที่ 3 เกิดขึ้นในปี 2011
"ก้อง สมเกียรติ" เข้าที่ 5 ลุ้นโพเดียมโมโตทู ที่ญี่ปุ่น
โดยปี 2014 เอสปาร์กาโร่ กลับมาลงแข่งขันในรุ่น โมโตจีพี อีกครั้งกับทีม NGM Forward Racing เอสปาร์กาโร่ เริ่มต้นได้ดีและคว้าตำแหน่งบนโพเดียมที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน จากนั้นเขาได้เข้าร่วมกับทีม Suzuki ในปี 2015 สามารถทำคะแนนและตำแหน่งโพลที่บาร์เซโลน่า
ในปี 2017 เอสปาร์กาโร่ ย้ายไปร่วมทีม Aprilia Racing Team Gresini และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และทำผลงานได้ดีที่สุดอันดับที่ 6 ในสนามกาตาร์และอารากอน
เอสปาร์กาโร่ มีพัฒนาการไปข้างหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเจ้าตัวยังคงอยู่กับ อาพริเลีย ในปี 2018 ก่อนที่พวกเขาทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี
เขายังอยู่กับทีมในปี 2019 เขาจบในอันดับ 14 ในตารางชิงแชมป์โลกและปี 2020 ในอันดับที่ 17 เอสปาร์กาโร่ ขี่ให้กับ อาพริเลีย ต่อไปเป็นฤดูกาลที่ 5 ในปี 2021 และการทำงานหนักของเขาได้รับรางวัลเป็นรถ RS-GP ที่พัฒนาขึ้นมาก
ต่อมาเขาก็กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ของทีมในปี 2021 โดยขึ้นโพเดียมแรกใน โมโตจีพี ที่ซิลเวอร์สโตน และในปี 2022 อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ และทีม อาพริเลีย กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ยอดเยี่ยม รถที่ลงตัว เขาควบรถคู่ใจหมายเลข 41 สร้างประวัติศาสต์ชนะโมโตจีพี ที่ อาร์เจนตินา และขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 3 ติดต่อกันอีก 4 สนามที่โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี ก่อนจะกลับมาเก็บโพเดียมที่ 6 ของตัวเองที่ อารากอน ในปี 2022
ผ่านไป 16 สนาม อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมรั้งอยู่อันดับ 3 ในตารางคะแนนชิงแชมป์โลก มี 194 คะแนน ตามหลังแค่ กวาร์ตาราโร่ ที่มี 219 คะแนน และ บัญญาญ่า ที่มี 201 เท่านั้น ซึงยังเหลือโปรแกรมแข่งอีก 4 สนามการวัดแชมป์โลกยังเปิดกว้างสำหรับเขา