เล่นโทรศัพท์ในที่มืด “ตาบอด” จริงหรือไม่? แนะวิธีถนอมสายตาระยะยาว
การเล่นโทรศัพท์ในที่มืด อาจส่งผลให้หลายคนทั้ง ตาที่พร่ามัว หรือ ตาแห้งและมีความเชื่อว่าอาจทำให้ตาบอดจากแสงสีฟ้า แต่ความจริง "แสงสีฟ้าไม่สามารถทำให้ตาบอดได้ "แต่อาจทำให้สุขภาพตาแย่ลง แนะวิธีถนอมสายตาจากการเล่นโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์
เล่นโทรศัพท์ในที่มืด อาจสร้างอันตรายร้ายแรงให้กับดวงตา เนื่องจากแสงสีฟ้าที่มาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา แสบตา และตาแห้ง อาจทำให้เกิดโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม โชคร้ายนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ และเป็นเรื่องจริงที่ถ้าเล่นโทรศัพท์ในที่มืดอาจเพิ่มความเข้มของแสงสีฟ้ามากขึ้นและยับยังการหลั่งเมลาโทนิน ซึ่งรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจและการนอนหลับ การดูแลดวงตาให้ปลอดภัยจากแสงสีฟ้าจึงอาจช่วยถนอมสายตาและสุขภาพโดยรวมได้
ตาใสปิ๊ง! ด้วยอาหารบำรุงดวงตาจากธรรมชาติ ป้องกัน-ชะลอปัญหาด้านสายตา
“ตาโปน” แบบไหน ? สัญญาณเตือนโรค ไทรอยด์เป็นพิษ-มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ขณะที่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมาดริด ประเทศสเปน ได้ทำการศึกษาวิจัยโดยให้กลุ่มตัวอย่างที่มีสายตาปกติ และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ โดยให้กลุ่มตัวอย่างอ่านข้อความจากโทรศัพท์มือถือและอ่านจากกระดาษ ในสภาพแสงสว่างและความมืดพบว่าผู้ที่ทดลองในความมืดนั้น มีอาการ
- สายตาพร่ามัวในขณะที่อ่านข้อความ และเมื่อมองระยะไกล
- ไม่สามารถปรับโฟกัสภาพ จากระยะหนึ่งไปอีกระยะหนึ่งได้ดีเท่าที่ควร
- ระคายเคืองตา หรือแสบตา
- ตาแห้ง ไวต่อแสงจ้า
- เมื่อยล้าดวงตา และรู้สึกไม่สบายตา
งานวิจัยยังพบอีกว่า การเล่นโทรศัพท์ในที่มืด อาจทำให้อาการระคายเคืองตา แสบตา และตาแห้ง มีอากรที่แย่ลงได้ เมื่อเทียบกับการอ่านจากกระดาษ
ส่วนแสงสีฟ้า หรือ Blue Light นั้น คือแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอยู่ที่ 380-500 นาโนเมตร ทำให้มีการกระจายตัวของแสงสีได้มาก จึงทำให้มีอาการปวดตา สายตาล้าได้ง่าย แต่แสงสีฟ้าไม่ได้มีแต่โทษเท่านั้น ประโยชน์ของแสงสีนี้คือ การกระตุ้นให้ร่างกายมีการตื่นตัว การบล็อกการใช้แสงสีนี้อาจมีผลต่อระบบการนอนและการตื่นของร่างกายได้ ซึ่งแสงสีฟ้าสามารถพบได้ทั่วไปจากแสงอาทิตย์ จากหลอดไฟ จาก Computer และ Smartphone แต่แสงสีฟ้าไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ตาบอดแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้ไม่สบายตา เมื่อใช้ งานมือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ
ที่เคยมีบางคนกล่าวไว้ว่า การใช้มือถือในที่มืดจะทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อม หรือจอประสาทตาหลุดลอก นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องด้วยจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ ยังไม่พบความสัมพันธ์ของแสงสีฟ้า Blue Light กับ การเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมอย่างชัดเจน เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่แสงสีฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จัดระเบียบการนอนหลับให้สมองสดใส “คุณภาพการนอนดี ความจำดีตาม”
สรุปคือ การใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์ในที่มืด ไม่ได้ทำให้ตาบอด แต่จะทำให้เกิดความไม่สบายตามากกว่าการเล่นขณะเปิดไฟ เพราะจะต้องเพ่งมากกว่าปกติ และมีแสงสะท้อนเข้าตามากกว่าปกติ ทำให้เกิดความไม่สบายตา ทำให้ตาล้ามากขึ้น อาการจากการใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นอาการเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพักและหยุดใช้งานไป ก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม การจ้องหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือจ้องหน้าจอในที่แสงน้อย จะส่งผลให้เกิดอาการปวดตาจากการใช้กล้ามเนื้อตาที่มากเกินไป และอาจนำไปสู่อาการสายตาสั้นถาวร ดังนั้น เพื่อถนอมสายตาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน หรือมีช่วงเวลาในการพักสายตาจึงเป็นทางป้องกันที่ดีที่สุด
วิธีการใช้โทรศัพท์มือถือแบบถนอมสายตา
- อยู่ห่างจากหน้าจอประมาณ 25 นิ้ว (ประมาณ 1 ช่วงแขน)
- หน้าจอควรอยู่ในมุม 10-15 องศา จากระดับสายตา
- ใช้ฟิล์มติดหน้าจอเพื่อลดแสง
- ทุก ๆ 20 นาทีควรมองไปที่อื่น ไกลออกไป 20 นิ้ว เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที (กฎ 20-20-20)
- ถ้าใช้เวลาอยู่หน้าจอเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว ควรพักสายตาระยะสั้นเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
- ใช้น้ำตาเทียมในกรณีที่ตาแห้ง
- ควรอยู่ในสถานที่ ที่มีแสงเพียงพอ
- ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรพักสายตาด้วยการเปลี่ยนมาใส่แว่นตา
ควรตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำ และปรึกษาคุณหมอเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เช่น ปวดตา ปวดหัว และมองเห็นไม่ชัดเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ hellokhunmor
“ตาแห้ง” อาการที่พบบ่อยในคนจ้องจอนาน-นอนน้อย ไม่ดูแลอันตรายถึงตาบอด