3 เทคนิคดื่มแอลกอฮอล์พอดี-ปาร์ตี้ได้สนุกแถมตับไม่พังลดติดเชื้อ-อักเสบ

ภาวะตับอักเสบชนิดรุนแรงจากแอลกอฮอล์ (Severe Alcoholic Hepatitis หรือ SAH) เป็นภาวะ แทรกซ้อนประเภทเฉียบพลันที่ร้ายแรงที่สุดของโรคตับ จากการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยจะมีอาการตับวายเฉียบพลัน  ภาวะนี้ให้การวินิจฉัยและทำการรักษาได้ค่อนข้างยากจึงส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตที่สูง รวดเร็วในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญต่อการเกิดภาวะ SAH คือ มีการดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณที่สูงกว่าปกติในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านและ ภาวะดังกล่าวมักเกิดกับผู้ป่วยโรคตับชนิดที่มีพังผืดรุนแรงหรือมี ภาวะตับแข็งอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยพบว่าแอลกอฮอล์จะทำอันตรายต่อเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหารและลำไส้ทำให้เกิด ช่องว่างระหว่างเซลล์เพิ่มขึ้น เกิดการดูดซึม เอทานอล  และแบคทีเรียจากลำไส้และกระแสเลือดแล้วส่งต่อไปยังตับ เกิดภาวะไขมันพอกตับ เกิดจากอักเสบของตับเรื้อรัง เซลล์ตับเสียหายเสี่ยงการเน่าเสียได้

จะเห็นได้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ลงผลต่อตับโดยตรง หากดื่มในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน ตับจะทำงานหนักมากและไม่สามารถดูดซึมขับสารพิษออกไปหมด แน่นอนว่าการหลีกเลี่ยงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ต้องมีไฟต์ที่ต้องเข้าสังคม ก็ต้องรู้จักเทคนิคใช่ไหมละคะ ?

3 เทคนิคปาร์ตี้ได้แต่พอดีตับไม่พัง

กินในปริมาณที่เหมาะสม

การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าปริมาณแค่ไหนถึงเรียกว่า “เหมาะสม”

• สายวิสกี้ปริมาณการดื่มที่เหมาะสมจะอยู่ที่43 cc หรือ 1.5 ออนซ์ ซึ่งวัดง่ายๆ คือ 4.5 ฝาสูง
• สายเบียร์ ที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 5% 1 กระป๋องเล็กถือว่ากำลังดี
• ไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 8-12% การดื่มที่เหมาะสมแค่ 1-2 แก้วก็พอ

เลือก “ชนิด” ให้เป็น

การรู้จักเลือกชนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็น ก็จะช่วยให้เกิดผลเสียต่อตับและอวัยวะอื่นๆ น้อยลงด้วย ถ้าจำเป็นต้องดื่ม ว่ากันว่าเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ดูเหมือนจะดีที่สุดในบรรดาการดื่มทุกประเภทนั่นก็คือ “ไวน์แดง” เพราะมีสาร Resveratrol เป็นสารที่ช่วยชะลอเรื่องความแก่และช่วยลดไขมันในเลือดได้ รองมาก็จะเป็นไวน์ขาว วิสกี้ผสมน้ำเปล่า และสิ่งที่แย่ที่สุด คือเบียร์ หรืออะไรก็ตามที่มีความซ่า ที่นอกจากไม่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้เซลล์อ้วนอีกด้วย

เคล็ดลับตื่นมาไม่แฮงค์ แนะสิ่งที่ไม่ควรทำหลังดื่มเยอะปาร์ตี้หนัก

อย่าลืม “รองท้อง” ก่อนดื่มทุกครั้ง

การดื่มแอลกอฮอล์ล้วนไม่ว่าจะท้องว่าง ท้องมีอาหาร หรือกินแกล้ม ก็ล้วนส่งผลต่อตับทั้งสิ้น แต่เมื่อเทียบกัน การดื่มหลังมีอาหารลงไปรองท้องบ้างแล้วก็ช่วยชะลอผลเสียได้มากกว่า เพราะเวลาที่เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป จะผ่านกระเพาะอาหารไปสู่ลำไส้เล็ก และถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แล้วกระจายไปทั่วร่างกาย หากเรากินอาหารมาก่อน แอลกอฮอล์จะใช้เวลา 1-6 ชั่วโมงกว่าจะถูกดูดซึมไปถึงระดับสูงสุดในเลือด แต่ถ้าดื่มตอนท้องว่างเพียงแค่ 30 นาที หรือภายใน 2 ชั่วโมง แอลกอฮอล์ในร่างกายก็จะถูกกำจัดโดยตับมากถึง 95% ทำให้ตับต้องทำงานหนัก และพังเร็วขึ้นกว่าเดิม และอาจเกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันได้ได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ และ โรงพยาบาลเปาโล

“ไวรัสตับอักเสบ” วัคซีนที่ทุกคนต้องฉีด ป้องกันอันตรายไวรัสลงตับรุนแรง

สมุนไพร-วิตามิน กินมาก-กินนาน ไม่ระวังเสี่ยงตับอักเสบอันตรายถึงชีวิต