5 เคล็ดลับช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ ไม่ต้องอดอาหาร แถมได้สุขภาพที่ดี!
รู้หรือไม่ ? การอดมื้อเช้าทำให้อ้วนมากขึ้น เผยเคล็ดลับ 5 ข้อช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญได้ดีเยี่ยม แค่ปรับนิด ปรับหน่อยได้ผลลัพธ์ดี!
คงมีหลายคนนึกน้อยใจในโชคชะตา แล้วอิจฉาคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แถมไม่ต้องเหนื่อยออกกำลังกาย แน่นอนว่าพวกเขามีระบบเผาผลาญที่ดี แต่สำหรับบางคน กินนิดเดียวก็อ้วนแถมออกกำลังกายน้ำหนักไม่ลดอีก อาจเป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ว่า ระบบเผาผลาญของเราพัง! แต่อย่าเพิ่งกังวลไป เรามีวิธีที่จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้คุณได้ตามที่แพทย์แนะนำ!
เคล็ดลับ 5 ข้อช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ!
- มื้อเช้ามื้อสำคัญ ห้ามอด!
มื้อเช้าสำคัญจริง ๆ เพราะถ้าคุณงดมื้อเช้า
ออกกำลังกายหนักเกินเสี่ยงกระดูกพัง! เผยวิธีป้องกันการบาดเจ็บ
ออกกำลังกายให้เหมาะกับช่วงวัย และภาวะที่ควรเลี่ยงเพราะเสี่ยงอันตราย

ร่างกายจะลดระบบเผาผลาญลงและสมองจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า นิวโรเปปไทด์ วาย (Neuropeptide Y)ซึ่งจะส่งสัญญาณให้คุณหิวและอยากกินมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว แถมยังอาจไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะสมองไม่มีน้ำตาลกลูโคสจากอาหารไปหล่อเลี้ยง แล้วยังทำให้อยากของหวานมากขึ้น น้ำหนักก็จะขึ้นง่าย
เน้นอาหารที่มีโปรตีนไม่ติดมัน เช่น ไก่ ปลา ไข่ไก่ ถั่วเมล็ดกลม เต้าหู้ เป็นต้น เพราะโปรตีนใช้เวลาย่อยนานกว่าอาหารประเภทแป้ง จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากควบคุมน้ำหนัก
- ผสมเวทเทรนนิ่งบวกกับคาร์ดิโอ
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือเต้นรำ ช่วยเผาผลาญไขมัน แต่ต้องอยู่ในระดับที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วระดับหนึ่งเพื่อให้เลือดสูบฉีด ร่างกายได้ดึงไขมันมาใช้ และควรพ่วงการเล่นเวทเทรนนิ่งเข้าไปด้วยเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน (เมตาบอลิซึม) ซึ่งการทำคาร์ดิโอเพียงอย่างเดียวไม่สามารถกระตุ้นปฏิกิริยานี้เท่าได้มากเท่ากับการเล่นเวท
ก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงควรทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงหรือกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ขนมปัง ผลไม้หวาน ๆ เช่น แตงโม กล้วย น้ำหวาน เพราะย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยหรือโปรตีนสูง เช่น ขนมปังโฮลวีท เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เพราะให้พลังงานช้า ควรทานแต่ในมื้อปกติดีกว่า
- เติมแอลคาร์นิทีน
แอลคาร์นิทีนจะช่วยเพิ่มกระบวนการในการดึงไขมันมาเผาผลาญออกมาเป็นพลังงานในร่างกาย แหล่งแอลคาร์นิทีนส่วนใหญ่พบได้ในเนื้อสัตว์ นม อะโวคาโด และถั่ว
- การนอนสำคัญมาก ช่วยได้เยอะ!
ปกติแล้วร่างกายจะมีระบบเป็นนาฬิกาชีวภาพ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและควบคุมรอบการหลับ – ตื่น (กลางคืน – กลางวัน) เวลาการเข้านอนที่ดีที่สุดคือช่วง 21.00 – 23.00 น. ซึ่งเป็นเวลาของระบบภูมิต้านทานโรคที่จะทำงานได้ดี และสะสมพลังงานสำรองเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อนอนเร็วก็จะช่วยไม่ให้หิวตอนดึก และร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเล็ปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนทำให้รู้สึกอิ่ม เพิ่มอัตราการเผาผลาญให้ทำงานได้ดีมากขึ้น ซึ่งจะช่วยคุมน้ำหนักตัวให้คงที่
ออกกำลังกายช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น มีประสิทธิภาพกว่ากัน?
- ดื่มน้ำให้เหมาะสม!
ผลการศึกษาของนักวิจัยของ Virginia Tech แห่งเมืองแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย (Blacksburg, Virginia) ระบุว่า คนที่ดื่มน้ำในแก้วขนาด 8 ออนซ์ ประมาณ 8 – 12 ครั้งต่อวัน สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นกว่าคนที่ดื่มเพียง 4 ครั้ง การดื่มน้ำจะช่วยให้ระบบขับถ่ายจะคล่องโล่งสบาย หรือจิบชาเขียวควบคู่กับการคุมอาหารและออกกำลังกายก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าเคล็ดลับที่กล่าวมาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันแทบจะทั้งหมด ฉะนั้นควรปรับการกิน ออกกำลังกาย การนอนให้มากขึ้นรับรองเลยว่าจะได้ผลลัพธ์สุขภาพที่ดี น้ำหนักตามเป้าหมาย อีกทั้งยังมีระบบเผาผลาญที่เข้าที่เข้าทางได้อย่างแน่นอน!
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
3 วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยความดันสูง-เบาหวานช่วยชะลอโรค
วิธีออกกำลังกายเพิ่มมวลกระดูก ลดภาวะกระดูกพรุนเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ