ลดน้ำหนักเท่ากับ“ลดไขมันพอกตับ”สูตรคำนวนดัชนีมวลกาย ลดโรคตับเรื้อรัง!
ภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่เป็นแต่ไม่รู้ตัว คือ“ไขมันพอกตับ” ที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงสารพัด แนะวิธีเช็กค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) ช่วยสะท้อนสุขภาพ!
ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการกินอาหารในกลุ่มแป้ง น้ำตาล และไขมันในปริมาณมากเกินไป จนร่างกายนำไปใช้ไม่หมดจึงสะสมเป็นไขมันในหลอดเลือดและเกาะอยู่ตามอวัยวะต่างๆ รวมถึงมาเกาะที่ตับด้วย
นอกจากพฤติกรรมการกินแล้วยังสามารถเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ (NCDs) ไม่ว่าจะโรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และยังสามารถเกิดจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านไวรัส ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาฮอร์โมน ได้ด้วยเช่นกัน
สัญญาณเตือน “ไขมันพอกตับ” จุดเริ่มต้นสารพัด ตับแข็ง-มะเร็งตับ
“ไขมันพอกตับ” ภัยเงียบที่คนไทย กว่า 30% ป่วยและเสี่ยงโรคตับไม่รู้ตัว!
Freepik/freepik
ดูแลสุขภาพ

ดูแลสุขภาพให้ห่างไกลไขมันพอกตับ
- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ จิบน้ำบ่อยๆ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาการที่มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน หากจำเป็นควรเลือกชนิดที่มีไขมันดี (HDL)
- ล้างผัก-ผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน เพื่อให้มีสารปนเปื้อนน้อยที่สุด
- ออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ได้อย่างน้อยครั้งละ 30-40 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน รวม 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์
- ขับถ่ายเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ท้องผูก
- หากมียาที่ต้องกินเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาความผิดปกติของตับ แม้ยังไม่มีอาการแสดง
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
สามารถดูจากค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) ซึ่งมีสูตรคำนวณ คือ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลัง 2 (BMI = kg/m2) ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ส่วนสูง 175 เซนติเมตร
ดัชนีมวลกาย (BMI) = 70 ÷ (1.75 X 1.75) = 70 ÷ 3.06 ค่าดัชนีจะอยู่ที่ = 22.87
- BMI kg/m2 : น้อยกว่า 18.50
- อยู่ในเกณฑ์ :น้ำหนักน้อย / ผอม
- ภาวะเสี่ยงต่อโรค : มากกว่าคนปกติ
- BMI kg/m2 : ระหว่าง 18.50 - 22.90
- อยู่ในเกณฑ์ : ปกติ (สุขภาพดี)
- ภาวะเสี่ยงต่อโรค : เท่าคนปกติ
- BMI kg/m2 : ระหว่าง 23 - 24.90
- อยู่ในเกณฑ์ : ท้วม / โรคอ้วนระดับ 1
- ภาวะเสี่ยงต่อโรค : อันตรายระดับ 1
- BMI kg/m2 : ระหว่าง 25 - 29.90
- อยู่ในเกณฑ์ : อ้วน / โรคอ้วนระดับ 2
- ภาวะเสี่ยงต่อโรค : อันตรายระดับ 2
- BMI kg/m2:มากกว่า 30
- อยู่ในเกณฑ์ : อ้วนมาก / โรคอ้วนระดับ 3
- ภาวะเสี่ยงต่อโรค : โรคอ้วนระดับ 3
ไขมันพอกตับ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง ? เผยลดน้ำหนักไม่ลงตับอาจเริ่มมีปัญหา!
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคไขมันพอกตับโดยเฉพาะ ดังนั้นการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวันจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ไขมันพอกตับดีขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ลดน้ำหนักให้ได้ 10% ของน้ำหนักตัวตั้งต้นจะช่วยลดปริมาณไขมันที่พอกตับได้
- หลีกเลี่ยงอาหารทอดมัน และของหวาน
- รักษาโรคที่เป็นอยู่ อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูงให้อยู่ในภาวะปกติ
ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีจะมีการตรวจค่าการทำงานของตับในเบื้องต้น แต่ใครก็ตามที่มีปัจจัยหรือพฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตับแบบเจาะลึก (Fibroscan) เพื่อค้นหารอยโรคไขมันพอกตับ ที่สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ เพื่อการป้องกันการลุกลามและรักษาได้ทันท่วงที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจคัดกรองและทำการรักษาจนผู้ป่วยมีภาวะตับแข็งแล้ว การรักษาจะเป็นแค่การควบคุมอาการ และการลดไขมันในตับให้น้อยลงเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่โรคจะไม่หายขาด
ขอบคุณข้อมูลจาก :โรงพยาบาลเปาโล เกษตร และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ไขมันพอกตับ คนผอมก็เป็นได้ แนะวิธีวินิจฉัย-รักษา ก่อนเป็นตับแข็ง!
อาหารป้องกันไขมันพอกตับ ลดความอ้วน เร่งกำจัดสารพิษออกจากตับได้!