การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันนี้ 19 ก.ค. 2565 "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย" ได้แถลงเหตุผลของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่า ตลอด 8 ปีที่บริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผิดพลาดล้มเหลวไม่สามารถแก้ป้ญหาต่างๆให้ประเทศได้
“หมอชลน่าน” ลั่น เดินหน้าตัดวงจรอุบาทว์ ชี้ “ประยุทธ์” ไร้ความสามารถทุกมิติ
กองสลากฯ ส่งเงินเข้าแผ่นดินสูงสุดเกือบ 40,000 ล้านบาท
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่าตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ยินดีที่ได้มีโอกาสพบกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีชื่อว่าสัปปายะสภาสถาน หมายถึง เป็นสถานที่ที่ประกอบกรรมดีในประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรายามใดที่ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายพระมหากษัตริย์จะทรงสร้างสถานที่เพื่อปลูกขวัญกำลังใจไพร่ฟ้าประชาชน และหลอมรวมจิตวิญญาณทุกดวงให้เป็นหนึ่งเดียวรวมพลังกันฟันฝ่าอุปสรรคให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยบ้านเมืองมีสุขสงบสันติตราบจนถึงทุกวันนี้
วันนี้เป็นโอกาสดี ได้มาพบกันช่วงเวลาสำคัญของประเทศชาติ ที่จะมาช่วยกันคบคิดถกแถลง ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดของฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกไปลงมติข้างนอกไม่เคยได้ยิน ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน วันนี้มีปัญหามากมาย แต่หลายคนยังไม่ได้ฟังว่า รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง หรืออาจใช้อวัยวะฟังข้างเดียว ซึ่งที่พูดมาค่อนค้างจะรุนแรง จึงจำเป็นลดทิฐิ เอาผลประโยชน์ส่วนตัวไวข้างหลัง ไม่ขัดแย้งกัน วันนี้เราสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด เช่นเรื่องโควิด-19 ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข จะชี้แจงอีกครั้ง ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านรับมือโควิด-19 ถือว่าประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะถูกต่อเรื่องกลไกแก้ปัญหาไม่ถูกต้องแต่หลายประเทศก็ทำ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้ง ศบค.เป็นการทำงานแบบบูรณาการ หลายประเทศก็เอาแบบอย่างนี้ไปทำเพราะอำนาจ กระทรวงสาธารณสุขมีจำกัด ส่วนที่มีการพูดถึงกลุ่ม 608 ก็ขอให้ท่าน ให้เกียรติคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นประชาชนสูงอายุที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมีการเปิดประเทศอย่างยั่งยืนมีรายได้เข้าประเทศ
พร้อมระบุว่า ตนไม่ใช่ที่รู้ทุกเรื่องไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านว่าฉลาดที่สุด ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ทุกอย่างสามารถพิสูจน์ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาปีนี้ 2.2 ล้านคน ไทยเที่ยวไทย 67.8 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบ 4.3 แสนล้านบาท นี่คนผลงาน ท่านไม่เห็นหรือไง ไม่ดูอะไรเลย การอภิปรายในครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้ง ได้ยินพูดซ้ำเดิมๆ แต่ก็พร้อมชี้แจง ส่วนการเป็นผู้นำประเทศ ที่กล่าวว่าตนไม่ได้รับการตอนรับในเวทีต่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศชี้แจง ตนคิดว่าไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกรัฐมนตรีท่านๆ อื่น หรือ อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยเดินทางไปต่างประเทศมา
ส่วนเรื่องความขัดแย้งของคนในชาติ 10 กว่าปีมาแล้วตนไม่ใช่ตัวให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิด คนที่ติดคุก ถึงแม้เราจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่าง แต่จะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ต้องการทำให้บ้านเมืองแบ่งฝ่าย บอกว่า ตนใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เป็นกฎหมายปกติทั่วไปใช่หรือไม่ แต่หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยพูดว่าจะอยู่ต่ออีก 2 ปี เอาทุกเรื่องมาตีหมดแบบนี้ไม่ได้ ขอให้ช่วยกันปฎิบัติภารกิจในครั้งนี้มีหลักการ 3 ดี คือ 1.หลักการดีพูดด้วยวิชาการหลักเหตุผล ปราศจากการถูกครอบงำ 2.ข้อมูลดี นำเสนอด้วยหลักฐาน ความจริง ที่ได้ผ่านการตรวจสอบและกลั่นกรองมาแล้ว 3.น้ำใจดี มอบความจริงใจต่อกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ให้เกียรติซึ่งกันทั้งผู้อภิปราย ผู้ถูกอภิปราย และประธาน ทุกอย่างก็จะราบรื่น หลายอย่างที่พูดมาไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่มีความก้าวหน้า ส่วนที่หมอชลน่าน ระบุว่า ตนมีอาการทางสมอง ถ้าตนเป็นจริง ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ได้ไปรักษากับท่าน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กล่าวมาไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยการเรียบร้อย ถ้าแรงตนจะแรงน้อยกว่า เพราะรู้อยู่แล้วต้องการให้โมโห ขอให้เกียรติกันด้วยคำพูด รู้จักให้เกียรติคนอื่นตนเองถึงจะได้ หากพูดจาส่อเสียดให้ร้ายตนไม่อยากจะฟัง แต่ให้เกียรติประธาน และสภาแห่งนี้ ซึ่งที่ผ่านมา 1 ชั่วโมงไม่ใช่ข้อเท็จจริง 100 % ทราบดีชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อว่าดีกว่าตน แต่ไม่เป็นไรก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 : “ประยุทธ์” ยกหลักการ 3 ดี เหน็บฝ่ายค้านพูดแต่เรื่องเดิมๆ