ภายหลังที่พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล และพร้อมเสนอนาย เศรษฐา ทวีสิน ให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 4 ส.ค.นั้น
วันนี้ 2 ส.ค. 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงว่า พรรคก้าวไกลมีประเด็นในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลจำนวน 4-5 ประเด็นดังนี้
ประเด็นที่ 1 พรรคก้าวไกลขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถผลักดันจัดตั้งรัฐบาลที่เคารพเจตจำนงค์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้งได้สำเร็จ ดังที่พรรคเพื่อไทยแถลง
จากการพูดคุยระหว่างตัวแทนพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเมื่อเช้านี้ ทางพรรคเพื่อไทยต้องการขอออกจาก MOU ทั้ง 2 ฉบับ คือ MOU จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 8 พรรค และ MOU ที่เพื่อไทยและก้าวไกลทำร่วมกันตอนที่พูดคุยกันเรื่องการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
"เศรษฐา" เข้าพรรคคุยทิศทางชิงนายกฯ ลั่น "เพื่อไทย" เป็นแกนนำไม่เอา ม.112
ย้อนรอยดีลรัก “ก้าวไกล-เพื่อไทย” จากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดจบ!
ประเด็นที่ 2. การพูดคุยกันพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอยเรื่องการเสนอมาตรา 112 และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการเจรจาในเรื่องนี้ โดยพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองเกือบทั้งหมดที่เพื่อไทยพูดคุยด้วยไม่ต้องการพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ก็ตาม
ประเด็นที่ 3.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิของแต่ละพรรค และการพูดคุยเมื่อเช้ามีแกนนำพรรคเพื่อไทยบางท่าน กังวลว่าหากพรรคก้าวไกลโหวตให้เพื่อไทย อาจจะทำให้สว.ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย เพราะกลัวว่าหากโหวตพรรคเพื่อไทยได้เป้นนายกรัฐมนตรีแล้ว พรรคเพื่อไทยจะดึงก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล
สุดท้าย พรรคก้าวไกล ขอเรียนประชาชนว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหนหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงานฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุดตามที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เพื่อผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนทุกคน ผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เท่าทันโลกและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตอย่างเสมอภาคเท่าเที่ยม เราจะทำงานอย่างเต็มที่เพี่อผลักดันการกระจายอำนาจปฏิรูประบบราชการ การส้รางรัฐที่โปร่งใส่เป็นธรรมเคารพสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน และจะทำงานอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพื่อสร้างระบบการเมืองของไทยให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นระบบการเมืองที่เสียงและอำนาจของประชาชน มีความหมายจริงๆให้ได้สักวันหนึ่ง
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะโหวตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น วันนี้ได้ประชุมสส. โดยให้มีการแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่มีมติ และในวันพรุ่งนี้ น่าจะมีการสรุปเป็นมติของพรรค
เมื่อถามว่า จากนี้ไปการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้อย่างไร และเพื่อไทยก็พยายามผลักดันแก้กฎหมายที่อยู่ในร่าง MOU นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ MOUไม่มีอีกแล้ว MOU พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่เคยตกลงร่วมกันผลักดันกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับปฏิรูปกองทัพ และนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง อันนี้ไม่มีอยู่แล้ว อย่างก็ตาม ในฐานะสส.เราจะเสนอร่างกฎหมาย และเสนอแนะร่างกฎหมายต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ และหวังว่าหากก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายรัฐบาลจะเห็นชอบด้วย
ส่วนอีก 6 พรรคมีพรรคไหนบ้างจะไปอยู่กับเพทื่อไทยและพรรคไหนบ้างจะอยู่กับก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบจิรงๆว่า แต่ละพรรคมีท่าทีอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าความรู้สึกของพรรคก้าวไกลในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงความบิดเบี้ยวของการเมืองไทย ปัญหาสูงสุดของการเมืองไทยอำนาจสูงสุดไม่ได้เป็นของประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจของเราที่ผลักดันเปลี่ยนแปลงอย่างสุดความสามารถเพื่อให้การเมืองไทยกลับมาเป็นระบบประชาธิปไตยปกติ ที่เสียงและอำนาจของประชาชนสำคัญที่สุด
เมื่อถามว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การพูดคุยเมื่อเช้าก็เข้าใจซึ่งกันและกัน