หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ซึ่งส่งผลให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที และส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ
ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ
โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะต้องใช้เสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เกินครึ่งหนึ่ง โหวตเลือก โดยจะไม่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดพิเศษมาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 แล้ว
ทั้งนี้ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ประกอบด้วย
เช็กรายชื่อ 7 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลัง “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่ง
เปิดประวัติ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกฯ คนที่ 31 ของไทย
อนามัยโลกประกาศ “ฝีดาษลิง” เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลก
"วิษณุ" เผย คำชี้แจง "เศรษฐา" ช่วยดูกันหลายตา รับตัวเองไม่มีความสามารถ อาจจะพลาดได้
ขั้นตอนก่อนเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคการเมืองที่มี สส. ในสภา ไม่น้อยกว่า 5% (25 คน) สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเคยแจ้งไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 กำหนดให้พรรคการเมืองส่งบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกินสามชื่อ
โดยการเสนอชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160
(ในกรณีนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน รวมอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย จะไม่สามารถเสนอชื่อนายเศรษฐาได้อีก เพราะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (4) และ (5))
ทั้งนี้สำหรับพรรคการเมืองที่มี สส. ไม่น้อยกว่า 5% ที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้สภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกได้ ประกอบไปด้วย
พรรคเพื่อไทย มี สส. 141 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีสองคน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ นายชัยเกษม นิติสิริ
พรรคภูมิใจไทย มี สส. 70 คน (ไม่นับรวมผู้ที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่) บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
พรรคพลังประชารัฐ มี สส. 40 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พรรครวมไทยสร้างชาติ มี สส. 36 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีสองคน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันประยุทธ์ดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
พรรคประชาธิปัตย์ มี สส. 25 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ขั้นตอนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ในการเสนอชื่อแคนดิดเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนั้น จะต้องมี สส. รับรองด้วยจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10 ของ สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา หรือคิดเห็นจำนวน 50 คน เมื่อเทียบกับจำนวน สส.ในสภาที่เหลืออยู่ ณ ปัจจุบันจำนวน 493 คน
ขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะทำโดยเปิดเผย โดยจะใช้วิธีการเรียกชื่อ สส. แต่ละคน และให้ สส. ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไป เมื่อเทียบกับจำนวน สส.ในสภาที่เหลืออยู่ ณ ปัจจุบันจำนวน 493 คน
อย่างไรก็ตามหากในขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถสรรหานายกรัฐมนตรีได้ ไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนด ก็จะต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการเสรอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกันใหม่ และเริ่มโหวตอีกรอบจนกว่าจะได้บุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วเสร็จ รัฐธรรมนูญกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีต่อไป