ล่าสุด เมื่อช่วงกลางวันของวันนี้ ที่กรุงคาบูล มีประชาชนจำนวนหนึ่งลงถนนประท้วง ไม่พอใจการที่ตาลีบันบุกปัญจชีร์ พร้อมระบุว่าไม่พอใจที่ปากีสถานอยู่เบื้องหลังตาลีบัน แต่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเสียงปืนขึ้น ส่งผลให้ผู้คนรีบก้มลงกับพื้น และวิ่งหนีกันอุตลุด เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเสียงปืนมาจากที่ไหน ผู้ประท้วงบางรายระบุว่าเป็นสมาชิกตาลีบันที่ยิงปืนขึ้นฟ้า และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนประเด็นปากีสถานเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ฟาซี ฮามิด อธิบดีหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน เดินทางมายังกรุงคาบูล ซึ่งคาดกันว่ามาเพื่อช่วยตาลีบันจัดระเบียบกองทัพใหม่ ซึ่งตั้งใจจะรวมเอาทหารอัฟกันในสมัยรัฐบาลของอัชราฟ กานี เข้ามาร่วมด้วย
ขณะที่ภาพจากจังหวัดปัญจชีร์เมื่อวานนี้ สมาชิกกลุ่มตาลีบันกำลังชักธงใหม่ขึ้นสู่ยอดเขาในปัญจชีร์ ธงใหม่ที่ว่าคือผืนธงสีขาว ที่มีตัวอักษรอารบิกเขียนว่า “Islamic Emirates of Afghanistan” หรืออัฟกานิสถานของผู้เจ้าของนครรัฐ อัฟกานิสถานโฉมใหม่ที่ขณะนี้ตาลีบันกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล วิดีโอถูกระบุว่า เป็นเสาธงที่ตั้งอยู่หน้าอาคารที่ทำการรัฐบาลของจังหวัดปัญจชีร์ บ่งชี้ถึงการยึดครองจังหวัดอย่างสมบูรณ์
สำหรับจังหวัดปัญจชีร์ คือ จังหวัดสุดท้ายที่ตาลีบันยึดไม่ได้ เป็นฐานของ กองกำลังพันธมิตรฝ่ายเหนือ หรือ NRF จำนวนตัวเลขของกองกำลังนี้ไม่แน่ชัด บางแหล่งข่าวระบุว่ามีเป็นหลักหมื่น ส่วนอาวุธมีการระบุว่า มีเป็นจำนวนมากจากการเก็บสะสมไว้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งตาลีบันและ NRF สู้รบกันอย่างหนัก ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าสังหารศัตรูไปจำนวนมาก จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวานนี้ตาลีบันออกแถลงว่าพวกเขาสามารถเอาชนะ NRF ได้ นั่นหมายความว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่ของอัฟกานิสถาน ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของตาลีบันโดยสมบูรณ์แล้ว
รายงานจาก ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตาลีบัน ระบุว่า ที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มต่อต้านถูกกลุ่มตาลีบันบุกยึด และพวกเขาจะไม่ยอมให้เกิดกลุ่มใด ๆ ขึ้นอีก เพื่อทำลายความสงบเรียบร้อยของประเทศ
อย่างไรก็ตามชัยชนะของตาลีบันต่อกลุ่มต่อต้านยังเป็นที่กังขา เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวล่าสุดของอาหมัด มาสซูด หัวหน้ากลุ่ม NRF หรือแม้แต่ อัมรุลเลาะห์ ซาเลห์ รองประธานาธิบดีอัฟกานิสถานที่เข้าสวามิภักดิ์กับกลุ่มต่อต้าน
ด้านลีส ดูเซ็ต ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวต่างประเทศของบีบีซี มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ตาลีบันอาจยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัด แต่ยังคงเหลือหุบเขาและโถงถ้ำสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นลักษณะได้เปรียบของปัญจีชร์ที่พวกเขายังยึดไม่ได้ และบรรดาสมาชิกของกลุ่มต่อต้านอาจใช้ชัยภูมิเหล่านี้เป็นที่ซ่อนตัว
ในการแถลงเมื่อวานนี้ ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตาลีบัน ยังพูดถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า ประเด็นสำคัญๆ ได้คำตอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าการประกาศโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ชัยชนะของตาลีบันในปัญจชีร์ถือเป็นชัยชนะสำคัญ เพราะเป็นการกำจัดเสียงต่อต้านรัฐบาลที่จะเป็นปัญหาในอนาคตออกไป ซึ่งล่าสุดหลังข่าวความคืบหน้าในการยึดพื้นที่คืนของตาลีบันปรากฏออกมา ก็มีผู้สื่อข่าวไปถามความคิดเห็นของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าตัวเขาจะให้การรับรองรัฐบาลใหม่ของอัฟกานิสถานหรือไม่
ไบเดน ยังไม่ให้คำตอบชัดเจน ระบุว่า ต้องดูท่าทีของรัฐบาลตาลีบันในระยะยาว แต่ก่อนหน้านี้ทางวอชิงตันเคยเปรยแล้วว่า พร้อมร่วมงานกับรัฐบาลตาลีบันได้ บนเงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลใหม่ต้องเคารพสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าขณะนี้เสียงยอมรับจากต่างชาติที่ตาลีบันให้ความสำคัญมากที่สุดน่าจะเป็น จีน เพราะในการแถลงเมื่อวานนี้ ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตาลีบัน ระบุชัดเจนว่า จีนเป็นประเทศหลักที่อัฟกานิสถานตั้งเป้าว่าจะร่วมลงทุนในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน ไปจนถึงเศรษฐกิจ
จีนสานสัมพันธ์ตาลีบัน เพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง
ด้านจีนเองก็ตอบรับความสัมพันธ์นี้อย่างดี เพราะย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเพิ่งจะออกแถลง ยืนยันการคงสถานะของสถานทูตจีนในกรุงคาบูล เมืองหลวงอัฟกานิสถานตามปกติ
การเปิดสถานทูตตามปกติ และยังคงเจ้าหน้าที่ทางการทูตไว้ในกรุงคาบูลบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์และการยอมรับสถานะรัฐบาลของตาลีบันทางอ้อม แม้ว่าปัจจุบันจีนจะยังไม่ประกาศรับรองรัฐบาลใหม่ที่นำโดยตาลีบันอย่างเป็นทางการก็ตาม ซึ่งนอกจากจีนแล้ว ปัจจุบันยังมีรัสเซีย ปากีสถาน และอิหร่านที่ยังคงสถานทูตไว้ในกรุงคาบูล
เหตุใดทั้งจีนและตาลีบันจึงเกื้อหนุนกัน?
ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา มุลเลาะห์ บาราดาร์ อัคคุนด์ สมาชิกระดับสูงของกลุ่มตาลีบันพร้อมด้วยตัวแทนอีก 9 คน เข้าร่วมประชุมพูดคุยกับหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ที่นครเทียนจิน รายงานระบุว่า ทั้งสองฝ่ายหารือในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง ในขณะที่จีนให้คำมั่นว่าจะไม่เข้าแทรกแซงอัฟกานิสถาน และจีนสนับสนุนให้เกิดสันติภาพ
นั่นคือภาพก่อนที่ตาลีบันจะยึดกรุงคาบูลเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม และหลังจากยึดทั้งอัฟกานิสถานได้แล้ว แม้ว่าหลายชาติตะวันตกจะออกมาแสดงความกังวลต่อการขึ้นสู่อำนาจของตาลีบัน แต่ท่าทีของจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ในทางภูมิศาสตร์ สองประเทศนี้มีพรมแดนติดกันไม่มาก คือเพียง 91 กิโลเมตรเท่านั้น พื้นที่ดังกล่าวเรียกว่า "ฉนวนวาคาน" อยู่ในจังหวัดบาดักชาน เป็นพื้นที่เทือกเขาสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถานที่มีลักษณะยื่นเข้าไปในประเทศจีน
แม้พื้นที่ชายแดนจะเล็ก แต่เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ของเอเชียกลาง เพราะเชื่อมเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์กับ 3 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน และปากีสถาน
ความสัมพันธ์ที่ดีกับตาลีบันมีขึ้น เพื่อรับประกันความมั่นคงของจีน ว่าในอนาคตบรรดาชาวอุยกูร์ที่อพยพไปยังอัฟกานิสถานจะไม่ไหลทะลักกลับเข้ามาในจีน ซึ่งเป็นสื่งที่จีนไม่ต้องการ และที่ผ่านมาพยายามควบคุมประชากรและวัฒนธรรมในเขตปกครองนี้มาตลอด
อีกประเด็นคือ ความปลอดภัย เพราะบริเวณนี้เป็นแหล่งกบดานของกลุ่มจีฮัดโปรอุยกูร์หลายกลุ่ม ที่กระจัดกระจายอยู่ในอัฟกานิสถาน เช่น กลุ่ม East Turkistan Islamic Movement หรือ ETIM ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตาลีบัน
โดยก่อนหน้านั้นตาลีบันให้คำมั่นแล้วว่า จะไม่ยอมให้อัฟกานิสถานกลายมาเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้ายใดๆ ไม่ใช่แค่ไอซิส หรืออัลกออิดะห์ หากยังรวมถึงกลุ่มจีฮัดในเอเชียกลางด้วยเช่นกัน ที่จีนไม่ต้องการให้กลุ่มเหล่านี้ลุกขึ้นมาต่อต้านตน
สมาชิกหัวรุนแรงตาลีบันผงาดคว้าเก้าอี้รัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามสายสัมพันธ์ระหว่างจีนและอัฟกานิสถานล่าสุดนี้กำลังสร้างความกังวลให้กับชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยอยู่ในอัฟกานิสถาน เพราะพวกเขากังวลว่า รัฐบาลใหม่ของอัฟกัน อาจมีนโยบายส่งตัวชาวอุยกูร์คืนให้กับจีน ซึ่งจะทำให้พวกเขาลงเอยในค่ายอบรมที่ตั้งขึ้นทั่วซินเจียง
คาดกันว่าปัจจุบันมีชาวอุยกูร์ในอัฟกานิสถานราว 3,000 ราย ส่วนใหญ่ของชาวอุยกูร์ในอัฟกานิสถานอพยพหนีการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนมาตั้งแต่ปี 1966 พวกเขามีบัตรประชาชนอัฟกัน แต่เป็นคนเชื้อสายอุยกูร์
อีกเหตุผลสำคัญก็คือทางเศรษฐกิจ เพราะอัฟกานิสถานคือส่วนหนึ่งของโครงการ One Belt One Road ที่ขณะนี้จีนกำลังขยายเส้นทางเศรษฐกิจและเส้นทางขนส่งสินค้าใหม่ในภูมิภาคเอเชียกลาง โดยครอบคลุมตั้งแต่ปากีสถาน อัฟกานิสถาน เติร์กเมนิสถาน ไปจนถึงอุซเบกิสถาน เพราะฉะนั้นแล้ว หากภูมิภาคดังกล่าวไม่มั่นคง หรือจีนเองเป็นศัตรูกับตาลีบัน สิ่งที่พวกเขาลงทุนไปก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
อัฟกานิสถานโฉมใหม่ แบ่งแยกชาย-หญิง
ล่าสุดมีภาพบรรยากาศการเรียนการสอนถูกเผยแพร่ออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเข้าเรียนได้ก็จริง แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเข้ามา คือต้องแบ่งแยกที่นั่งระหว่างชายหญิง และแต่งตัวมิดชิดห้ามเผยเนื้อหนัง
โดยภาพถ่ายของห้องเรียนโฉมใหม่ในอัฟกานิสถาน ที่แบ่งพื้นที่ชายและหญิงชัดเจน รวมถึงมีม่านกั้นระหว่างนักศึกษาทั้งสองเพศ ซึ่งภาพถ่ายระบุว่ามาจากมหาวิทยาลัยคาบูลเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของการศึกษา
รายงานล่าสุดจากตาลีบัน ยังระบุด้วยว่า ผู้หญิงที่ต้องการเรียนในมหาวิทยลัยต้องสวมชุดอาบายะห์และคลุมนิกอบ ซึ่งเป็นผ้าคลุมที่ปิดทั้งใบหน้า เห็นเฉพาะดวงตา นอกจากนี้ในการเรียนจะให้เฉพาะอาจารย์ผู้หญิงเท่านั้นที่สอนได้ หรือหากเป็นอาจารญ์ผู้ชายต้องมีการสอบประวัติอย่างละเอียด หรือให้เป็น อาจารย์ชายอาวุโสที่มีประวัติความประพฤติดีมาสอนแทน
นี่คืออัฟกานิสถานโฉมใหม่ที่ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น นอกจากประเด็นสิทธิผู้หญิงที่ถูกลดทอนลงแล้ว ล่าสุดมีประเด็นด้านสาธารณสุขด้วย
รายงานจากสหประชาชาติออกมาแสดงความกังวลว่า ระบบสาธารณสุขในหลายเมืองกำลังใกล้ที่จะล่มสลาย จากการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ปกติแล้วอัฟกานิสถานได้รับจากการบริจาคโดยนานาชาติ
แต่หลังตาลีบันขึ้นสู่อำนาจ หลายชาติระงับความร่วมมือกับอัฟกานิสถาน รวมถึงระงับเงินทุนช่วยเหลือ ส่งผลให้ล่าสุด ริค เบนแนน ผู้อำนวยการด้านความช่วยเหลือฉุกเฉินภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ขององค์การอนามัยโลก ออกมาขอความช่วยเหลือ โดยคาดว่า ความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่เร็วที่สุดขณะนี้น่าจะมาจากกาตาร์ในสัปดาห์หน้า
อิสราเอล ยิงจรวดถล่มกาซา เปลวไฟลูกใหญ่พวยพุ่ง อ้างแก้แค้น
รัฐบาลเงาเมียนมาประกาศสงครามกับรัฐบาลทหาร | 7 ก.ย. 64 | รอบโลก DAILY