รัสเซียถล่มอาซอฟสตอลต่อ อ้างกำจัดพวกคลั่งชาติ
สหภาพยุโรปเสนอแผนระงับนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย
แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ (5 พ.ค.65) ว่า ปฏิบัติการครั้งที่สามในการช่วยเหลือพลเรือนที่ติดค้างอยู่ในเมืองมาริอูปอล และโรงงานเหล็กอาซอฟสตอลของยูเครน จะเริ่มขึ้นในวันนี้ (6 พ.ค.65) ตามเวลาท้องถิ่น โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สหประชาชาติและคณะกรรมาการกาชาดระหว่างประเทศได้ช่วยเหลือพลเรือนเกือบ 500 คน ให้อพยพออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวได้แล้ว
โดยนับจนถึงขณะนี้ พลเรือนเกือบ 55 คนได้รับการบรรเทาทุกข์แล้ว หลังจากอาศัยอยู่ภายใต้การยิงระเบิดที่ไม่รู้จบ และหวาดกลัวว่าจะมีน้ำ อาหารและสุขาภิบาล ผู้อพยพได้แบ่งปันเรื่องราวอันสะเทือนใจกับเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ แม่ ลูกๆ และปู่ย่าตายาย เหล่าถึงเรื่องราวความเจ็บปวดของพวกเขา บางคนต้องการการรักษาทางการแพทย์เร่งด่วน ผมหวังว่า การทำงานร่วมกันระหว่างมอสโกและเคียฟต่อไป จะนำไปสู่การพักรบทางมนุษยธรรมเพื่อเปิดทางให้พลเรือนอพยพอย่างปลอดภัยจากการสู้รบ และให้ความช่วยเหลือเข้าไปถึงบุคคลที่ต้องการ เราต้องทำสิ่งที่เราสามารถทำได้ต่อไปเพื่อช่วยคนออกมาจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรงราวกับเป็นนรกนี้”
ขณะที่มาร์ติน ฟริฟฟิธส์ ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรุงวอร์ซอว์ของโปแลนด์ ประเทศที่มีชายแดนติดกับยูเครน เปิดเผยในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า ขบวนรถของสหประชาชาติขบวนใหม่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงงานเหล็กอาซอฟสตอล ซึ่งยังคงมีรายงานการปะทะกันระหว่างสองฝ่าย เพื่อจะไปอพยพพลเรือนออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อวานนี้ด้วยความร่วมมือเช่นเดิม และกับข้อตกลงเดิม เราได้คุ้มครอง ผมคิดว่า พลเรือนกว่า 340 คนออกจากพื้นที่ต่างๆของเมืองมาริอูปอล วันนี้ อย่างที่เราได้บอก ขบวนรถกำลังมุ่งหน้าไปยังอาซอฟสตอลจะถึงในวันพรุ่งนี้เช้า หวังว่าจะรับพลเรือนที่ยังหลงเหลืออยู่ในนรกเยือกแข็งที่พวกเขาอยู่อาศัยกันมานานหลายสัปดาห์และหลายเดือน และนำตัวพวกเขาออกมาอย่างปลอดภัย” มาร์ติน ฟริฟฟิธส์ กล่าว
กองทัพยูเครนในอาซอฟสตอล ย้ำไม่ยอมจำนน
เมื่อวานนี้ ยังคงพบเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากที่โรงงานอาซอฟสตอลอย่างต่อเนื่อง โดยภาพจากโดรนเผยให้เห็นความเสียหายโดยรอบ และทางกองพันอาซอฟ ซึ่งประกาศไม่ยอมจำนนต่อกองทัพรัสเซีย ยังคงตรึงพื้นที่ในโรงงานเหล็กดังกล่าวเอาไว้
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ประกาศชัยชนะในเมืองมาริอูปอลไปแล้ว ลั่งให้ทหารรัสเซียปิดล้อมโรงงานดังกล่าวเอาไว้ และยังระบุว่า กองทัพของเขาพร้อมที่จะให้อพยพพลเรือนออกมาอย่างปลอดภัย แต่บรรดานักรบกองพันอาซอฟ ทหารยูเครนและทหารต่างชาติที่อยู่ที่นั่นต้องยอมวางอาวุธเสียก่อน
ทั้งนี้ คาดการณ์กันว่า ยังมีทหารของฝ่ายยูเครนอีกราว 2,000 คน ที่อยู่ภายในโรงงานดังกล่าว และทั้งหมดยังคงไม่ยอมแพ้ และประกาศจะต้านทานการโจมตีของรัสเซียเอาไว้ให้ได้จนถึงที่สุด
แต่นอกจากตรงจุดโรงงานอาซอฟสตอลแห่งนี้ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอนเปิดเผยว่า กองกำลังส่วนใหญ่ของทหารรัสเซียที่เคยอยู่รอบ ๆ เมืองมาริอูปอล ออกเดินหน้ามุ่งหน้าขึ้นยังตอนเหนือเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือไว้เพียงทหารราว 2,000 นาย โดยคาดว่าทหารส่วนใหญ่จะไปสมทบกับการต่อสู้ เพื่อยึดภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของประเทศยูเครนแทน
ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ระบุว่า ได้ทำการโจมตีเป้าหมายในยูเครนจำนวนมากตลอดทั้งคืนก่อนหน้านั้น และสังหารทหารยูเครนไปกว่า 600 นาย
“ปูติน” ขอโทษปมอ้างฮิตเลอร์มีเชื้อสายยิว
ส่วนประเด็นร้อนก่อนหน้านี้ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียอ้างว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเชื้อสายยิว และทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ โดยเฉพาะอิสราเอล ล่าสุด ทางประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ออกมาขอโทษอิสราเอล
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี นาฟตาลี เบนเน็ท (Naftali Bennett) ได้ยอมรับคำขอโทษจาก ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ต่อกรณีที่ นาย เซอร์เก ลาฟรอฟรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์อิตาลี ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสายเลือดชาวยิวเช่นเดียวกับ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซลินสกี ผู้นำของยูเครน ซึ่งรัสเซีย อ้างว่าต้องส่งกำลังทหารเข้าไปกำจัดลัทธินาซี
นอกจากนี้เบนเนท ยังขอบคุณ ผู้นำรัสเซียที่ได้ชี้แจงถึงทัศนคติส่วนตัวต่อชาวยิวและเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุโรประหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียไม่ได้พูดถึงคำขอโทษของ ปูติน ที่เกิดขึ้นระหว่างการสนทนากับผู้นำอิสราเอล
โดยก่อนหน้านี้ อิสราเอล ได้เรียกร้องให้รัสเซียขอโทษต่อคำพูดของลาฟรอฟ ซึ่งเบนเนท วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องบิดเบือนที่ต้องการใส่ร้ายว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเป็นฝีมือของคนเชื้อชาติเดียวกัน
ขณะที่สื่อมวลชนอิสราเอลรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังพิจารณาส่งความช่วยเหลือทั้งด้านการทหารและส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลเรือนให้แก่ยูเครนที่กำลังสู้รบกับรัสเซีย แม้ว่าอิสราเอลพยายามจะวางตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตามวันที่หลายฝ่ายจับตาดูเป็นพิเศษคือวันที่ 9 พฤษภาคมหรือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพราะเชื่อว่าผู้นำรัสเซียจะมีการประกาศอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาที่จะเป็นตัวชี้ทิศทางสงครามต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
รัสเซียซ้อมขบวนพาเหรดก่อนถึงวัน V DAY
ภาพในกรุงมอสโควเมื่อคืนที่ผ่านมา ทหารจำนวนมากเข้าร่วมในการซ้อมพิธีเฉลิมฉลองวัน V Day หรือวันแห่งชัยชนะ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปี
วันแห่งชัยชนะ หรือที่ภาษารัสเซียเรียก ‘เด็น ปาเบียดึย’ (День Победы)’ เป็นวันที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตได้รับชัยชนะเหนือกองทัพนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 วัน งานที่จัดขึ้นนอกเหนือจากเพื่อสดุดีบรรดาทหารผ่านศึกที่เข้าร่วมสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย แล้ววันแห่งชัยชนะยังเป็นวันที่ใช้แสดงแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซีย ตลอดจนใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ
บางคนที่มาร่วมชมการซ้อมขบวนสวนสนามเมื่อคืนที่ผ่านมาบอกว่า ปีนี้วันแห่งชัยชนะจะมีความหายมากเป็นพิเศษเพราะเป็นปีที่กำลังมีปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน โดยเขามาที่นี่เพื่อแสดงการสนับสนุนทหารรัสเซีย
สำหรับในปีนี้คาดว่าขบวนสรรพาวุธต่าง ๆ ที่จะเข้าร่วมขบวนสวนสนามในปีนี้ลดลงเนื่องบางส่วนถูกทำลายในสมรภูมิยูเครน และบางส่วนยังอยู่ในสมรภูมิจึงไม่สามารถมาร่วมขบวนสวนสนามได้
ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่า รัสเซียอาจใช้โอกาสในวันแห่งชัยชนะประกาศสงครามกับยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเพื่อระดมทรัพยากรรวมถึงเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมเพื่อเข้าร่วมรบกับยูเครนรัสเซียไม่สามารถรุกคืบหรือยึดพื้นที่ของยูเครนได้ตามแผน ซึ่งในเวลต่อมา [MOS]ทางโฆษกเครมลิน ดิมีทรี เปสคอฟ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้โดยบอกว่าเป็นเรื่องที่เหลวไหล
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายยังจับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันแห่งชัยชนะของปีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่ารัสเซียจะมีการประกาศอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาซึ่งจะเป็นตัวชี้ทิศทางของสงครามในยูเครนต่อจากนี้
