รีพับลิกันคว้าชัยเลือกตั้งสภาล่าง ศึกหนักของไบเดนและเดโมแครต

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังคงสามารถรักษาที่นั่งในวุฒิสภา (House) หรือสภาสูงไว้ได้ที่ 50 ที่นั่ง แต่ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. (House) หรือสภาล่างนั้น พรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายคว้าชัยไป

ตามกฎหมายแล้ว ส.ส.จะมีที่นั่งทั้งหมด 435 ที่นั่งในสภา วาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี ซึ่งการจะมีเสียงข้างมากในสภาล่างนั้น จะต้องชิงที่นั่งมาให้ได้กึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง

ภารกิจ “อาร์เทมิส” ออกเดินทางสู่ดวงจันทร์แล้ว! หลังเลื่อนมาหลายเดือน

"ทรัมป์" ประกาศลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี 2024

"ไบเดน" ชี้ต้องไม่มีสงครามเย็น "จีน-สหรัฐฯ" มั่นใจจีนไม่ส่งกำลังทหารบุกไต้หวัน

และในการเลือกตั้งครั้งนี้ รีพับลิกันได้ 218 ที่นั่งมาครองเรียบร้อยแล้ว

ผลที่ออกมาเป็นตามการคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ที่มองว่า ไบเดนคะแนนนิยมตกลง โดยเฉพาะจากปัญหาเรื่องเงินเฟ้อและปากท้องประชาชน

คาดว่าหลังจากนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐสภาสหรัฐฯ โดยตำแหน่งแรกที่คาดว่าน่าจะถูกปรับเปลี่ยนอย่างแน่นอนคือ ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ หรือ No.2 ของการบริหารประเทศ จะถูกเปลี่ยนมือจาก แนนซี เพโลซี จากพรรคเดโมแครต มาเป็น เควิน แม็กคาร์ธี จากรีพับลิกันแทน

การคว้าชัยของรีพับลิกันในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างปัญหาอย่างมากให้กับการบริหารและนโยบายต่าง ๆ ของไบเดนและเดโมแครต โดยเฉพาะวาระทางกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงยกเลิกนโยบายที่สำคัญของไบเดน เช่น งบประมาณด้านการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การล้างหนี้กยศ.ชาวอเมริกัน และการปรับเพิ่มอัตราภาษีนิติบุคคล

นอกจากนี้ รีพับลิกันอาจดำเนินการขัดขวางคณะกรรมการสืบสวนเหตุจลาจลบุกโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 และอาจเปิดฉากสอบสวนรัฐสภาเรื่องการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานและการติดต่อธุรกิจของฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของไบเดน ในจีนและยูเครน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจมีการยกเลิกนโยบายสนับสนุนยูเครนที่กำลังสู้รบกับรัสเซียด้วย โดย เควิน แม็กคาร์ธี เคยออกมาเตือนว่า จะไม่มอบเงินเปล่า ๆ ให้กับยูเครนอีกต่อไป “จะไม่มีการมอบเงินแม้แต่แดงเดียวให้กับยูเครนอีก ประเทศของเราต้องมาก่อน” ซึ่งหากแม็กคาร์ธีได้ขึ้นเป็นประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จริง ก็คาดว่าจะส่งผลต่อการสนับสนุนยูเครนอย่างแน่นอน

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเดโมแครตยังรักษาที่นั่งในสภาสูงไว้ได้อยู่ ก็จะทำให้รีพับลิกันทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน เพราะกฎหมายหรือนโยบายใด ๆ มักจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก 2 ใน 3 ส่วนของการบริหารประเทศเสียก่อน

 

 

นั่นหมายความว่า หากสภาล่างของรีพับลิกันต้องการเสนอกฎหมายอะไรก็ตาม จะต้องได้รับการเห็นชอบจากวุฒิสภาหรือประธานาธิบดีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้มี 2 ใน 3 เสียงในการอนุมัติ แต่หากวุฒิสภาและประธานาธิบดีไม่เห็นชอบ ก็สามารถยับยั้งร่างกฎหมายที่สภาล่างเสนอขึ้นมาได้

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จึงกำลังมุ่งหน้าไปสู่สถานการณ์ “ติดล็อก” ที่ต่างฝ่ายต่างจะไม่สามารถทำอะไรได้ และไบเดนจะต้องพึ่งพาการดำเนินการของฝ่ายบริหารเพียงฝ่ายเดียวเพื่อพัฒนานโยบายของตน

 

เรียบเรียงจาก AP / The Guardian

ภาพจาก AFP