ในจักรวาลมีเรื่องน่าทึ่งซุกซ่อนอยู่ ซึ่งการบันทึกภาพเหล่านั้นออกมาได้ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะภาพที่เกิดจากปรากฏการณ์เลนส์ความโน้มถ่วง (Gravitational Lensing) หรือเหตุการณ์ที่แสงจากจากแหล่งกำเนิดอยู่ไกลมากแล้วถูก “บิดโค้ง” จากแรงดึงดูดของวัตถุมวลมากที่อยู่ระหว่างแหล่งกำเนิดนั้นกับผู้สังเกต
ล่าสุดนักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เว็บบ์ (JWST) ของนาซาจับภาพเลนส์ความโน้มถ่วงภาพใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นกาแล็กซีที่มีหน้าตาเหมือน “เครื่องหมายคำถาม” (?)
ภาพดังกล่าวเกิดจากการใช้กล้อง เจมส์ เว็บบ์ สังเกตการณ์กลุ่มกาแล็กซี MACS-J0417.5-1154 ซึ่งอยู่ห่างจากโลกกว่า 4.65 พันล้านปีแสง
พายุ "ยางิ" สิ้นฤทธิ์แล้ว พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 10-18 ก.ย.ฝนตกหนักบางแห่ง
กีโยม ดีส์เปรซ์ นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซนต์แมรีในเมืองฮาลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมวิจัยที่นำเสนอการค้นพบดังกล่าว กล่าวว่า “เราทราบเพียง 3-4 ครั้งเท่านั้นที่เกิดเลนส์ความโน้มถ่วงที่คล้ายคลึงกันในจักรวาลที่สังเกตได้ ซึ่งทำให้การค้นพบนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงพลังของกล้องเว็บบ์ และบ่งบอกว่าบางทีตอนนี้เราอาจพบสิ่งเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีก”
แม้ว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจะเคยถ่ายภาพกลุ่มกาแล็กซี MACS-J0417.5-1154 มาแล้ว แต่กาแล็กซีที่ก่อตัวเป็นเครื่องหมายคำถามอันน่าแปลกตานี้เพิ่งปรากฏขึ้นในภาพที่ถ่ายโดยเจมส์ เว็บบ์ เท่านั้น เพราะในกล้องฮับเบิลมองไม่เห็นกาแล็กซีฝุ่นสีแดง (ส่วนหัวของเครื่องหมายคำถาม)
ดังนั้น ลักษณะดังกล่าวเป็นผลลัพธ์จากกาแล็กซี 2 แห่ง คือ กาแล็กซีฝุ่นสีแดง และกาแล็กซีก้นหอย (ส่วนที่เหมือนเวลาเราลากเส้นโค้งลงมา) คล้ายจะมีปฏิสัมพันธ์กัน และกลุ่มกาแล็กซีนี้มีมวลมากจนบิดเบือนโครงสร้างของกาลอวกาศ (เลนส์ความโน้มถ่วง) ซึ่งทำให้นักดาราศาสตร์สามารถมองเห็นรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นในกาแล็กซีที่อยู่ห่างไกลออกไปมากหลังกลุ่มกาแล็กซีได้
ส่วนกาแล็กซีที่เป็นเหมือนจุดด้านล่างของเครื่องหมายคำถามเป็นกาแล็กซีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่บังเอิญอยู่ในตำแหน่งและกาลอวกาศที่เหมาะสม
ทีมวิจัยบอกว่า ที่สามารถจับภาพเครื่องหมายคำถามกล่าวอวกาศได้ยังเกิดจากการจัดวางตำแหน่งที่เหมาะสมโดยบังเอิญระหว่างกาแล็กซีที่อยู่ห่างไกล เลนส์ความโน้มถ่วง และผู้สังเกต ในแบบที่เรียกว่า “เลนส์ความโน้มถ่วงไฮเปอร์โบลิกอัมบิลิก” (Hyperbolic Umbilic)
มาร์ซิน ซาวิกกี จากมหาวิทยาลัยเซนต์แมรี หนึ่งในทีมวิจัย บอกว่า “มันดูเท่มาก ภาพที่น่าทึ่งเช่นนี้เป็นเหตุผลที่ฉันสนใจดาราศาสตร์ตั้งแต่ยังเด็ก”
นอกจากความแปลกของภาพแล้ว เมื่อรำข้อมูลของฮับเบิลและเว็บบ์มาวิเคราะห์รวมกัน ทีมวิจัยยังสามารถศึกษาได้ด้วยว่า ในกลุ่มกาแล็กซี MACS-J0417.5-1154 นี้มีดาวดวงใดกำลังเกิดขึ้นบ้าง
วิเซนเต เอสตราดา-คารเพนเตอร์ นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซนต์แมรี หนึ่งในทีมวิจัย บอกว่า “การรู้ว่าการก่อตัวของดวงดาวเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ไหน และอย่างไร ภายในกาแล็กซี มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจว่ากาแล็กซีมีวิวัฒนาการมาอย่างไรตลอดประวัติศาสตร์ของจักรวาล”
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การก่อตัวของดาวฤกษ์เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในทั้งสองกาแล็กซี ข้อมูลสเปกตรัมยังยืนยันด้วยว่า กาแล็กซีฝุ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ตั้งอยู่ในระยะห่างเดียวกันกับกาแล็กซีชนิดก้นหอยที่อยู่ติดกัน และมีแนวโน้มว่าทั้งสองกาแล็กซีจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กัน
“กาแล็กซีทั้งสองที่ทำให้เกิดภาพเครื่องหมายคำถามแสดงให้เห็นการก่อตัวของดวงดาวในบริเวณที่มีความหนาแน่นหลายแห่ง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากก๊าซจากกาแล็กซีทั้งสองที่ชนกัน อย่างไรก็ตาม รูปร่างของกาแล็กซีทั้งสองดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้น เราอาจกำลังเห็นจุดเริ่มต้นของปฏิสัมพันธ์ระหว่างกาแล็กซีทั้งสองนี้” เอสตราดา-คาร์เพนเตอร์กล่าว
ซาวิกกีเสริมว่า “กาแล็กซีเหล่านี้ซึ่งมองเห็นได้เมื่อหลายพันล้านปีก่อนในช่วงที่การก่อตัวของดวงดาวอยู่ในช่วงสูงสุด มีมวลใกล้เคียงกับกาแล็กซีทางช้างเผือกในสมัยนั้น เว็บบ์กำลังทำให้เราศึกษาได้ว่า ช่วงวัยรุ่นของกาแล็กซีของเราเองจะเป็นอย่างไร”
เรียบเรียงจาก NASA