"ธรรมนัส" สั่งส.ป.ก.สอบฟาร์มไก่"ปารีณา"ให้ละเอียด ย้ำฟันอาญาไม่ได้
ส.ป.ก.-ป่าไม้ รังวัดใหม่ ฟาร์มไก่ “เอ๋ ปารีณา” พรุ่งนี้
พืชไร่เรียงราย2ข้างทาง สลับกับต้นไม้สูงในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ คือ ภาพสะท้อนปัญหาที่ทำกินชาวบ้านทับซ้อนผืนป่า
น.ส.นิตยา ม่วงกลาง แกนนำต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินทำกินของชาวบ้านชุมชนซับหวาย เล่าว่า ที่ดินในบริเวณนี้บางส่วนเป็นที่ ส.ป.ก. บางส่วนเคยเป็นที่รกร้างจากการทำสัมปทานป่าไม้ โดยชาวบ้านเข้ามาใช้เพาะปลูกพืชไร่ก่อนจะประกาศเป็นเขตอุทยาน จนกระทั่งรัฐบาล คสช. ออกนโยบายทวงคืนผืนป่าในปี 2557 และดำเนินคดีกับชาวบ้านซับหวาย 14 คน
ชาวชัยภูมิตั้งคำถาม ทำไร่ก่อนเป็นเขตป่า ทำไมถูกดำเนินคดี
ที่ดินพิพาทผืนนี้ ชาวบ้านเข้าไปทำกินตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้าน แม้จะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติในปี 2535 แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังอนุญาตให้เข้ามาทำการเกษตรได้ตามปกติ จนกระทั่งมีคำสั่งทวงคืนผืนป่า จึงมีมาตรการกดดันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนว่า จะหาพื้นที่ทดแทนให้เข้าไปทำกิน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น มิหนำซ้ำ พวกเขายังถูกดำเนินคดีอาญา โดยมีโทษจำคุกเป็นเดิมพัน
เปิดชื่อ 12 ส.ส.ครอบครองที่ดินลักษณะเดียวกับ "ปารีณา"
หากยึดตามกฎหมายปัจจุบันชาวบ้านไม่เคยปฏิเสธว่าพวกเขารุกที่ป่า แต่ตลอด 3 ปีของการต่อสู้ทางคดี พวกเขาพยายามยืนยันสิทธิการทำกินตามวิถีและสภาพพื้นที่ แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่การต่อสู้ทางคดีจนถึงเวลานี้ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา จำคุกชาวบ้าน 13 คน ตั้งแต่ 5 เดือน จนถึง 4 ปี โดยมี 1 คนรอลงอาญา และทุกคนต้องชดใช้ค่าเสียหายตั้งแต่ 1 แสนบาท ไปจนถึง 1 ล้าน 5 แสนบาท จากการเข้าไปครอบครองที่ป่าตามที่สถานะทางกฎหมาย เพื่อทำกินคนละ 2 ถึง 47 ไร่ โดยเวลานี้ ทั้งหมดได้สิทธิ์ประกันตัวเพื่อสู้ต่อในชั้นฎีกา
ค่าปรับหลักแสนบาทเป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับชาวบ้าน เพราะเป็นรายได้ตลอดทั้งปีจากการทำการเกษตร ไม่นับรวมหนี้สินที่แต่ละคนกู้ยืมเงินมาทำไร่ ก็อยู่ในสภาพใช้แบบหาได้และหมดไป ขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลก็ยังไม่มีการจัดสรรที่ทำกินให้กับชาวบ้านที่นี่ ทำให้หลายคนยังคงต้องเข้าไปใช้พื้นที่เดิมปลูกพืชไร่หาเลี้ยงชีพ ด้วยความหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาทางออกร่วมกัน และหาทางแก้ปัญหาที่ไม่กระทบวิถีทำกินของคนในชุมชน
“วีระ”ขู่ ส.ป.ก.เข้าข่ายผิด ม.157 หากละเว้นเอาผิดฟาร์มไก่ “ปารีณา”
“เรืองไกร” ชี้ ที่ดิน “เอ๋ ปารีณา” รุกที่ส.ป.ก.-เขตป่าสงวน