น้ำท่วมใต้อ่วม รัฐ-เอกชนออกมาตรการช่วยเหลือ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบของเศรษฐกิจไทยที่จะได้รับ จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ว่าจะมีผลกระทบต่อ เศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 5 พันล้านบาท หากสถานการณ์มีการขยายวงกว้าง และภาครัฐไม่สามารถระบายน้ำออกได้อย่างรวดเร็ว ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการจะต้องหยุดชะงักสร้างความเสียหาย

         

ด้านกระทรวงการคลัง ได้มีการขยายวงเงินทดรองจ่าย สำหรับใช้ในการดูแลแก้ปัญหาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มเติม อีกจังหวัดละ 50 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่แล้วจังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังอนุมัติหลักการอนุมัติใช้เงินทดรองที่ให้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถเบิกจ่ายได้ตามดุลยพินิจ ผ่อนปรนจากระเบียบราชการปกติเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้อย่างคล่องตัว

ด้านธนาคารพาณิชย์ก็ได้มีการออกมาตรการผู้ประสบภัยน้ำท่วมเช่นกัน อย่างธนาคารกรุงไทย ได้ออกมตรการ ผ่อนปรนชำระหนี้เงินกู้ และลดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ชั่วคราวหลังน้ำลด  ส่วนธนาคารออมสิน ลูกค้าดี ให้ปลดชำระเงินต้น 2-3 ปี กรณีลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ให้พักเงินต้นแล้วจ่ายดอกเบี้ย 50 เปอร์เซ็นต์ มีระยะเวลา 3 ปี กรณีลูกหนี้มีหลักประกัน และ 2 ปีสำหรับลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน และธนาคารกสิกรไทย พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย นานสูงสุด 12 เดือน ต่ออายุลูกค้าที่ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือวงเงินเทรดไฟแนนซ์ที่ครบกำหนด ออกไปอีก 1 รอบ

        

  นอกจากนั้น ทางด้านการยางแห่งประเทศไทย ก็มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตามระเบียบตามมาตรา 49 วงเล็บ 5 คือช่วยเหลือลักษณะเงินกองทุน ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นรายละ 3 พันบาท และไม่รวมกับเงินช่วยเหลือที่เกษตรกรอาจได้รับจากหน่วยงานอื่น ทั้งนี้ ภายหลังน้ำลดจะมีเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายในพื้นที่และให้การช่วยเหลือต่อไป