มหากาพย์ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กถูกล้วงข้อมูลยังขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าทางบริษัท “เคมบริดจ์ อนาลิติกา” ที่ทำธุรกิจด้านการให้คำปรึกษาในอังกฤษ จะยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ได้ล้วงข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั้ง 50 ล้านบัญชี และไม่ได้ทำการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามที่ถูกกล่าวหา
ล่าสุด สื่ออังกฤษได้นำหลักฐานใหม่มาเผยแพร่ เป็นคลิปวิดีโอของผู้บริหารบริษัท “นายอเล็กซานเดอร์ นิกซ์” ขณะกำลังพูดคุยโอ้อวดว่า ตนเองมีโอกาสได้พบ “โดนัลด์ ทรัมป์” หลายครั้ง และบริษัทของเขาก็รับผิดชอบทำแคมเปญและโฆษณาชวนเชื่อให้กับทีมหาเสียงของทรัมป์ทั้งหมด ทั้งในสื่อโทรทัศน์และออนไลน์ รวมถึงการทำวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการหาเสียงของทรัมป์
หลักฐานใหม่ที่ว่านี้ ทำให้บอร์ดบริหารของ “เคมบริดจ์ อนาลิติกา” ลงมติให้พักงาน “นิกซ์” ไว้ก่อน จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย ฝั่งเฟซบุ๊กเองก็เจอหนักไม่แพ้กัน ล่าสุด คณะกรรมาธิการการค้ากลาง (FTC) ของสหรัฐฯ เตรียมเปิดการสอบสวนว่า “เฟซบุ๊ก” เครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ทำการละเมิดข้อตกลงคุ้มครองผู้บริโภคหรือไม่ โดยข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้บริษัทต้องส่งข้อความแจ้งและขอความยินยอมจากผู้ใช้งาน ในกรณีที่จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานให้กับบุคคลที่ 3 เช่นเดียวกับคณะกรรมาธิการตรวจสอบการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จ ของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ที่ส่งจดหมายเรียก “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ให้เดินทางมาชี้แจงเรื่องนี้ เนื่องจากคณะกรรมาธิการต้องการรู้ว่าข้อมูลที่ถูกส่งต่อไปให้กับบริษัท “เคมบริดจ์ อนาลิติกา” ได้รับการยินยอมจากผู้ใช้งานหรือไม่
ด้าน “อเล็กซานเดอร์ โคแกน” ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นผู้จัดทำแอพพลิเคชั่นทดสอบบุคลิกภาพ และได้ส่งต่อข้อมูลให้กับบริษัท “เคมบริดจ์ อนาลิติกา” ในปี 2014 ออกมาชี้แจงว่า ตนไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะนำไปเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ แต่กลับกลายเป็นแพะ เพราะถูกเฟซบุ๊กกล่าวหาว่าละเมิดนโยบายของบริษัท
จนถึงขณะนี้ เฟซบุ๊กก็ยังคงสงวนท่าทีต่อเรื่องนี้ โดยไม่มีการออกชี้แจงให้แน่ชัด มีเพียงการออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจที่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานถูกนำไปใช้ในทางมิชอบเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่า นายซักเคอร์เบิร์ก ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินที่สำนักงานใหญ่ของเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ด้วย
ล่าสุด ยังมีรายงานว่าผู้ถือหุ้นบางส่วนเตรียมจะยื่นฟ้องบริษัทเฟซบุ๊ก หลังหุ้นของบริษัทร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้ มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กหายไปถึง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ