นายทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ทนายความ นำภาพแชตไลน์ต่าง ๆ ที่เคยส่งข้อความพูดคุยกับหญิงคู่กรณีมาเป็นหลักฐานประกอบการชี้แจง พร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนใน 3 ประเด็น ประเด็นแรก ที่ข่าวนำเสนอว่า เป็นทนายความกับลูกความนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหญิงคนดังกล่าวเป็นอดีตคนรัก
ประเด็นต่อมา กรณีข่าวพาดพิงตัวเขาว่าไปติดต่อขอเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้ และหลอกล่อให้พูดถึงเรื่องเงินที่ต้องการเพื่อนำข้อมูลนี้ไปเป็นหลักฐานดำเนินคดีกับฝ่ายหญิงซึ่งไม่เป็นความจริง
ข้อเท็จจริงคือ หญิงคนดังกล่าวไปกดไลก์ในเพจภรรยาของนายทนายอาร์ม เจ้าตัวจึงแชตไลน์ไปบอกว่าอย่าทำแบบนี้ ซึ่งทางผู้หญิงส่งข้อความกลับมาว่า หรือจะให้หนูส่งรูปคืนนั้นไป จากนั้นก็มีการแชตโต้ตอบกันไปมา และน้องผู้หญิงก็บอกว่าขอเงิน 50,000 บาท จึงนำเรื่องไปแจ้งความดำเนินคดีฝ่ายหญิงข้อหารีดเอาทรัพย์ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตัวเองจะถูกฝ่ายหญิงแจ้งความเป็นสัปดาห์
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในห้องขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเชื่อว่าพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดสามารถพิสูจน์การกระทำได้
ประเด็นสุดท้าย กรณีนำเสนอว่าฝ่ายหญิงเครียดหรือมีการพยายามฆ่าตัวตายนั้น ได้รับทราบจากพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุงซึ่งเป็นเจ้าของคดีรีดทรัพย์ที่ตนได้แจ้งความไว้ว่า หญิงคนดังกล่าวเกิดความเครียดที่ถูกดำเนินคดีรีดทรัพย์
ส่วนกรณีที่หญิงคนนี้ได้รับหมายศาลเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาทจนคิดสั้นนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการกระโดดเรือเกิดขึ้นเดือนพ.ย. 2566 สาเหตุมาจากความเครียดที่ถูกดำเนินคดีข้อหารีดเอาทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับคดีแจ้งความเท็จเพราะคดีนี้ตนฟ้องหญิงคนนี้ไปเมื่อเดือนมี.ค. 2567 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์กระโดดเรือ
นายทนายอาร์ม ทิ้งท้ายว่า กระบวนการยุติธรรมจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหานำพยานหลักฐานมาพิสูจน์และศาลจะตัดสิน การจะกล่าวหาใครว่าผิดหรือไม่ผิด ต้องรอให้การพิสูจน์เสร็จสิ้นและทุกคนต้องได้รับผลของการกระทำ.
“ธรรมนัส” ประกาศอิสรภาพ! ลั่นรับใช้คนหนึ่ง 6 ปีมากพอแล้ว
สิ้น “ชรินทร์ นันทนาคร” ศิลปินแห่งชาติ นักร้องลูกกรุงเสียงทอง ในวัย 91 ปี