เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 พ.ย. ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ญาติของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ได้เดินทางเข้าเยี่ยม 2 ผู้ต้องหาเป็นเวลาเกือบ 1 ชม. ก่อนจะเดินทางกลับในเวลา 10.05 น. และไม่ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด
ต่อมาในเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ 1 คัน โดยมีรถตำรวจบก.ป. นำขบวน 1 คัน เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญารัชดาตามขั้นตอนทางกฎหมาย
โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา ทนายตั้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์ ส่วนตัวภรรยาสวมเสื้อยืดสีดำใส่แว่นตาสีดำพร้อมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ตัวทนายตั้มได้ยกมือไหว้กับกองทัพสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: เชื่อ “ทรัมป์” เปิดทางอิสราเอลทำสงครามอิหร่าน
"รถถัง" เผยไปเตะบอลไม่เกี่ยวทำตกตาชั่ง เสียแชมป์โลก
สรุปเหตุการณ์ "รถถัง" เสียแชมป์โลก เพราะตกตาชั่ง
เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้งสองราย เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ นางจตุพร หรือ "เจ๊อ้อย" ได้เดินทางมายืนคําร้องขอคัดค้านการประกันตัว "ทนายตั้ม" และภรรยาในชั้นศาล
โดยทนายสมชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นจะดําเนินการยื่นคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองคน ส่วนกระแสข่าวที่ว่าทนายตั้มจะไม่ยื่นขอประกันและยอมนอนคุก แต่จะให้ทนายยื่นคําร้องขอปล่อยตัวภรรยานั้น ตนยังไม่ทราบ แต่ถือเป็นสิทธิของเขาซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากดุลพินิจของศาลจะพิจารณาเป็นรายบุคคล แต่อย่างไรก็ตามตนจําเป็นต้องมายื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีเหตุผลที่ปรากฏตามสื่อว่าทนายตั้มพยายามขับรถไปทางภาคตะวันออกคาดว่าจะมุ่งหน้าไปยังชายแดนและเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ แม้ว่าพยานหลักฐานจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์แต่ก็มีบางส่วนที่ตามหลักการแล้วจะมีทั้งพยานบุคคล วัตถุ และนิติวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ต้องคัดค้านการประกันตัว ส่วนอนาคตจะยื่นคัดค้านอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ส่วนท่าทีของ “เจ๊อ้อย” ภายหลังตํารวจมีการออกหมายจับและจับกุม “ทนายตั้ม” นั้น ทนายสมชาติ ระบุว่า เจ๊อ้อย ไม่ยินดียินร้ายหรือเสียใจ โดยยึดอุเบกขาเป็นตัวตั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่