วิเคราะห์พฤติกรรม "ทนายตั้ม" ส่อแววฮุบสมบัติเจ๊อ้อย?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ชวนวิเคราะห์พฤติกรรม "ทนายตั้ม" ผู้การแต้ม-ตฤณห์ เชื่อ หลายการกระทำส่อแววฮุบสมบัติเจ๊อ้อย มั่นใจมีเจตนาไม่บริสุทธิ์

คดีของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เริ่มพัฒนาและมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ โดยสังคมให้ความสนใจตั้งแต่กรณีที่ระบุว่ามีการฉ้อโกงเงินของ “เจ๊อ้อย” กว่า 71 ล้านบาท ยาวมาจนถึงเรื่องของพินัยกรรม พร้อมมองว่า ทนายตั้ม มีเจตนาซ่อนเร้น แอบแฝง หรือต้องการแฝงตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกของเจ๊อ้อยกว่าหมื่นล้านบาทหรือไม่

คอนเทนต์แนะนำ
ชำแหละพฤติกรรม "ทนายตั้ม" หวังฮุบมรดก "เจ๊อ้อย" หรือไม่!
“ทนายสายหยุด” เผย “ทนายตั้ม” เตรียมหลักฐานสู้คดี 39 ล้าน ลั่นหากผิดจริงไม่ทำคดีต่อ!
จับตา! ข้อมูลใหม่ "ทนายตั้ม" ตั้งตนเป็น ผจก.มรดกเจ๊อ้อย

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรม และจิตวิทยาอาชญากร และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมพูดคุยในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรม และจิตวิทยาอาชญากร และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมพูดคุยในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรม และจิตวิทยาอาชญากร และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมวิเคราะห์พูดคุยในประเด็นดังกล่าวกับ PPTV ในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk ไว้อย่างน่าสนใจ

ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์"

วันหยุดธันวาคม 2567 เช็กวันสำคัญ - วางแผนลา หยุดยาวได้มากถึง 11 วัน

วงในเผย “ปูติน” พร้อมคุย “ทรัมป์” ยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ผู้การแต้มมั่นใจ สังคมมอง "ทนายตั้ม" มีเจตนาแอบแฝง ชี้พินัยกรรมฉบับ 2 หมดพลัง หลังฉบับ 3 ปรากฏ

พล.ต.ต.วิชัย มองว่า ขณะนี้คนส่วนใหญ่ต้องคิดแน่ว่า ทนายตั้ม มีเจตนาแอบแฝงซ่อนเร้น เพราะคนเริ่มไม่เชื่อในตัวทนายตั้ม และที่เริ่มไม่เชื่อเพราะทั้ง 4 คดีของทนายตั้มนั้นบ่งบอกถึงพฤติกรรมของเขา จะจริงหรือไม่จริงให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แต่พฤติกรรมนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ มีการจับกุม และมีการฉ้อโกงถึง 4 คดี เมื่อเป็นไปในลักษณะนี้แล้ว คนทั่วไปจึงมองว่าพฤติกรรมของทนายตั้มนั้นไม่ถูกต้อง

ยิ่งถ้ามีหลักฐานอื่นซึ่งน่าเชื่อได้ว่าจะมิดีมิร้าย คนก็จะยิ่งเชื่อไปแบบนั้น ตัวอย่างกรณีของการติด GPS ที่รถของเจ๊อ้อย แม้ทนายตั้มหรือตัวเจ๊อ้อยจะปฏิเสธว่าไม่ได้ติดตั้ง เมื่อตรวจสอบก็พบว่า GPS เชื่อมต่อไปยังทนายตั้ม สามารถตรวจสอบได้ แสดงว่าต้องมีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นคนติดหรือไม่ คำถามคือ จะติดตั้งทำไม หรือเพราะต้องการสอดส่องพฤติกรรมเจ๊อ้อยหรือไม่?

ส่วนในเรื่องของพินัยกรรม พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ตามกฎหมายแล้วพินัยกรรมสุดท้ายถือว่าสำคัญที่สุด แต่กรณีที่เจ๊อ้อยไปทำพินัยกรรมฉบับสุดท้าย ฉบับที่ 3 ถ้าไม่ได้บอกทนายตั้ม แล้วบอกว่าฉบับที่ 2 ทำลายไปแล้ว หลักฐานการทำลายก็ไม่มี ถ้าไม่ได้บอกทนายตั้ม เขาจะทำลายฉบับที่ 2 หรือไม่ เพราะนี่เป็นประโยชน์ต่อตัวทนายตั้มเอง

ถ้าเจ๊อ้อยไม่บอกแล้วทนายตั้มอ้างว่าทำลายแล้ว ส่วนตัวไม่เชื่อ แต่ถ้าเจ๊อ้อยบอกว่าไม่ให้ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว แล้วเขาทำลายพินัยกรรมฉบับ 2 ก็อาจทำลายได้ แต่ตามมารยาทแล้วก็จำเป็นต้องเอามาคืนเจ๊อ้อย หรือทำลายต่อหน้าเจ๊อ้อย แต่นี่คือแค่บอกว่าเก็บเอาไว้ให้

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า กรณีที่เจ๊อ้อยจากไปแล้ว พินัยกรรมฉบับ 2 จะไม่มีพลังถ้าฉบับที่ 3 ถูกทำขึ้นแล้ว แต่ถ้าไม่ทำฉบับที่ 3 จะมีพลังทันที เพราะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเผยว่า ทรัพย์สินของเจ๊อ้อยในต่างประเทศจะให้ลูกหมด แล้วในประเทศจะตกเป็นของใคร? หรือถ้าคิดหนักไปอีกว่าลูกแท้ ๆ ของเจ๊อ้อยเสีย แล้วเจ๊อ้อยรับลูกของทนายตั้มเป็นบุตรบุญธรรม ก็จะยิ่งไปกันใหญ่

พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ในส่วนของเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นกับเจ๊อ้อยได้นั้น ในแง่การสืบสวนของตำรวจ ถ้าเหตุยังไม่เกิดขึ้น ตำรวจต้องทำการสืบสวนพฤติกรรม เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะกระทำความผิดหรือไม่ เจตนาเขาเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้แต่ดำเนินการตามความผิดที่ปรากฏและกฎหมายกำหนดไว้ เช่น การลักลอบติด GPS ส่วนเรื่องที่จะไปประสงค์ต่อชีวิตนั้นยังไม่สามารถลงโทษได้

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

พฤติกรรมทนายตั้ม ตอกย้ำเจตนาไม่บริสุทธิ์

ดร.ตฤณห์ กล่าวว่า พฤติกรรมของทนายตั้ม มีลักษณะเหมือนเป็นการต่อยอดให้เราเห็นภาพได้ชัดขึ้น จากตอนแรกที่พบว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์หลายเรื่องอยู่แล้ว ก็มีอีกเรื่องเพิ่มขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นการรับรองเจตนาที่ไม่สุจริตของทนายตั้ม

ถ้าตนจำไม่ผิด ทนายตั้มเริ่มทำงานกับเจ๊อ้อยเมื่อวันที่ 1 เมษายน และในวันที่ 9 เมษายน มีการแนะนำให้ทำพินัยกรรมฉบับแรก หลังจากนั้นอยู่ดี ๆ ไปยุ่งกับทรัพย์สินเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้เป็นคนป่วยหรือมีอายุมาก ส่วนตัวมองว่าการจะทำพินัยกรรมควรเป็นเจตนาส่วนตัวของเจ้าของทรัพย์สิน อยู่ดี ๆ ตัวเองก็ไปอาสาทำ หลังจากนั้นก็มีพินัยกรรมฉบับ 1.5 ฉบับ 2 ตามมา ซึ่งเจ๊อ้อยก็ไม่รับทราบ มิหนำซ้ำยังยัดเยียดลูกตนเองเป็นลูกบุญธรรมเจ๊อ้อยอีก

ดร.ตฤณห์ กล่าวต่อว่า พอมีพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างรวมกัน ก็ทำให้เห็นเจตนาในแต่ละข้อหาไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไม่บริสุทธิ์ใจ แทนที่เจ๊อ้อยจะมีทนายความเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ปกป้องสิทธิ์ของตนเอง กลายเป็นว่าทนายความของเขาเองมาลิดรอนสิทธิ มายัดไส้ทุกอย่าง ทำให้เจ๊อ้อยเสียเงินมากกว่าเดิม ซึ่งตนไม่คิดว่านี่คือเจตนาของการแต่งตั้งทนายประจำตัวของเจ๊อ้อย

ดร.ตฤณห์ ระบุว่า จริง ๆ การที่ทนายความ หรือที่ปรึกษากฎหมายจะเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดก จัดการทรัพย์ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ถ้าเป็นทนายของครอบครัว ไว้ใจมาหลายรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้จัดการมรดกก็จะเป็นบุคคลในครอบครัว

แต่พฤติกรรมของทนายตั้มนั้นแปลกมากหลายอย่าง และมั่นใจว่าตลอดอาชีพทนายความที่ผ่านมาไม่เคยโดนจับได้ มีแบ๊กมีคนคอยซัพพอร์ตหนุนหลังตลอด ด้วยอีโกของเขาทำให้เขาย่ามใจ จริง ๆ คดีนี้ไม่ซับซ้อน หลักฐานทุกอย่างชี้ไปในทางเดียวกัน มันหนีความจริงไม่พ้น

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรม และจิตวิทยาอาชญากร รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยาเชิงพฤติกรรม และจิตวิทยาอาชญากร

ปลายทางคดีทนายตั้มออกได้หลายเส้นเรื่อง ชี้ต้องถอดความคิดอาชญากร

ดร.ตฤณห์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเราต้องวางเส้นเรื่องเผื่อไว้หลาย ๆ ทาง ต้องถอดความคิดของอาชญากรออกมา การที่จับพลัดจับผลูแต่งตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดก แล้วเว้นหน้าสุดท้ายไว้เผื่อไปพิมพ์ข้อความอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ ก็ไม่ทราบ แต่ผิดวิสัยพินัยกรรมทั่วไป ซึ่งทรัพย์สินที่ซอยย่อยนั้นแปลก จริง ๆ ให้เจ้าของทรัพย์สินส่งให้ทายาทก็จบ แต่การไปซอยย่อย 8 หน้านั้นแปลก กรณีของการติด GPS ก็เช่นกัน

ส่วนตัวมองว่าปลายทางเป็นไปได้หลายอย่าง เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องอยู่ที่ปลายทางแล้วเกิดเหตุ แต่ด้วยหลักฐานทุกอย่างดันมาปูดเสียก่อน เพราะฉะนั้นการนำหลักฐานทุกอย่างชี้ไปทางเดียวกันหมด ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด เหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทุกอย่างมันทำให้คิดแบบนั้น ไม่มีอะไรมาขัดขวางไม่ให้มันเกิดเหตุขึ้นไม่ได้

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ เราต้องวิเคราะห์ล่วงหน้าไปก่อน เพราะเราต้องวางแผนแบบที่อาชญากรเขาวางกัน ซึ่งอาชญากรก็สามารถวางเส้นเรื่องนี้ได้เช่นกัน

ดร.ตฤณห์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองเห็นช่องโหว่หลายอย่างของพินัยกรรม คือ ผู้มีเจตนาจะทำพินัยกรรมหรือเจ๊อ้อยนั้นต้องเซ็นกำกับทุกหน้า หน้าสุดท้ายบรรทัดหลังข้อความสุดท้ายจะต้องมีลายเซ็นของเจ๊อ้อย และพยาน 2 คนขึ้นไปที่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้น ๆ

คำถามคือ ทนายตั้มจะเว้นที่ว่างเหลือเกินครึ่งหน้าไว้ทำไม ไม่มีลายเซ็นเจ๊อ้อยในกระดาษทุกแผ่น และพินัยกรรมมีจำนวนถึง 7 - 8 หน้านั้นก็แปลก อีกทั้งเมื่อเจ๊อ้อยไม่สบายใจ ก็ไปทำพินัยกรรมฉบับล่าสุดกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นพยาน ทว่าเขากลับไม่นำพินัยกรรมฉบับเก่ามาทำลายต่อหน้า อ้างว่าทำลายไปแล้ว ซึ่งมันไม่ได้ เจตนาเขาไม่บริสุทธิ์หลายอย่าง

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ